ช่วงเย็นของวันนี้ (4 ตุลาคม) แจ่มจันทร์ สุวรรณเพ็ง กลายเป็นความหวังเหรียญทองของทัพมวยสากลสมัครเล่นไทยรายที่ 2 ที่สามารถเข้าไปลุ้นในรอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ หลังเอาชนะคู่แข่งจากคาซัคสถานได้ตั้งแต่กลางยกที่ 2
โดยกีฬามวยสากลสมัครเล่นในรอบเย็นแข่งขันกันที่หางโจว ยิมเนเซียม เปิดหัวคู่แรกในรอบนี้ด้วยไฟต์ในรอบรองชนะเลิศรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 66 กิโลกรัมหญิง แจ่มจันทร์ สุวรรณเพ็ง ความหวังจากไทยในมุมน้ำเงิน พบกับ นาตาลยา บ็อกดาโนวา จากคาซัคสถาน
ไฟต์นี้แจ่มจันทร์ต่อยได้เหนือกว่าอย่างชัดเจนตั้งแต่ยกแรก ก่อนที่ในยกที่ 3 แจ่มจันทร์ที่เป็นฝ่ายทำดีกว่าทั้ง 2 ยกที่ผ่านมา จะเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้หลังกรรมการจับ RSC บ็อกดาโนวา
ทำให้แจ่มจันทร์เข้ารอบชิงชนะเลิศไปลุ้นเหรียญทองเป็นรายที่ 2 ของทัพนักชกไทยต่อจาก ธิติสรรค์ ปั้นโหมด และยังคว้าโควตาโอลิมปิกได้เป็นคนที่ 4 ของทีมกำปั้นไทยด้วย
โดยหลังไฟต์ แจ่มจันทร์เปิดเผยว่า โล่งใจมากที่ทำตามแผนได้สำเร็จ และเก็บชัยชนะมาได้ พร้อมยอมรับว่าไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าจะได้มาลุ้นชิงเหรียญทองในเอเชียนเกมส์ เพราะว่าก่อนหน้านี้เป็นตัวสำรองมาตลอด 4 ปีที่อยู่ในแคมป์ทีมชาติ ขณะที่ในรอบชิงฯ ยืนยันว่าสู้เต็มที่เพื่อเหรียญทองแน่นอน
ขณะที่อีกคู่ เป็นการชกในประเภทชายรุ่นน้ำหนักไม่เกิน 57 กิโลกรัม ซึ่งทาง รุตชกาญจน์ จันทร์ตรง ตัวแทนจากไทยมาในมุมน้ำเงิน พบกับ ชูได ฮาราดะ จากญี่ปุ่น
ไฟต์นี้การชกเป็นไปอย่างสูสีทั้ง 3 ยก ชนิดที่คะแนนเบียดกันทุกยก แม้รุตชกาญจน์จะดูเหมือนออกหมัดมากกว่า แต่หมัดก็ไม่ได้เข้าเป้าอย่างที่ควร ทำให้ครบ 3 ยก ฮาราดะจากญี่ปุ่นเป็นฝ่ายเฉือนชนะไปด้วยคะแนน 3-2 ส่งผลให้นักชกไทยได้เพียงเหรียญทองแดงเท่านั้น
หลังแมตช์ รุตชกาญจน์กล่าวทั้งน้ำตาว่าเสียใจ เพราะหากชนะจะได้ไปโอลิมปิกแล้ว ซึ่งตนรู้สึกว่าอีกเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น แต่ยืนยันว่าจะเอาบทเรียนในไฟต์นี้ไปพัฒนาตัวเองต่อไปแน่นอน
ภาพ: กองประชาสัมพันธ์ กกท.