เมื่อวานนี้ (13 สิงหาคม) Bloomberg ได้รายงานผลงานของกองทุนประเภทเฮดจ์ฟันด์ (Hedge Fund) บางส่วนที่มีการลงทุนในจีน ท่ามกลางสถานการณ์ที่รัฐบาลจีนเข้ามาคุมเข้มบริษัทเอกชนในหลายอุตสาหกรรม เช่น กลุ่มเทคโนโลยีและกลุ่มการเงิน ซึ่งมีประเด็นเกี่ยวข้องกับการผูกขาด หรือกลุ่มบริษัทที่ออกไปจดทะเบียนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ก็มีประเด็นเกี่ยวกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ หรือแม้กระทั่งนโยบายที่จะปรับเปลี่ยนธุรกิจติวเตอร์ให้กลายเป็นธุรกิจไม่แสวงหากำไร
อย่างไรก็ดี เฮดจ์ฟันด์บางส่วนในเอเชียที่มีการลงทุนในจีนยังคงสามารถทำกำไรได้ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2564 ที่ผ่านมา เช่น Mingshi China Optima +33.8%, Dantai +33.5%, Anatole Flagship +16%, Golden Pine +10%
นอกจากนี้ยังมีบางกองทุนที่เริ่มกลับมาทำกำไรได้ในช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เช่น CloudAlpha +20% จนแทบจะชดเชยผลขาดทุนในช่วงก่อนหน้านี้ไปได้ เช่นเดียวกับ Mingshi China Optima Master Fund ทำกำไรได้ในระดับประมาณ 20% เช่นกันในเดือนที่ผ่านมา ด้วยการลงทุนแบบควอนท์โดยผสมผสานการศึกษาแบบ Academic Research และ Machine Learning
ขณะที่กองทุนอย่าง Anatole Investment Management ทำกำไรได้โดยการเข้าไปช้อนซื้อในจังหวะที่ตลาดปรับฐานรุนแรง ในขณะที่ Foundation Asset Management รอดพ้นจากการขาดทุนมาได้จากการตัดสินใจขายหุ้น Meituan ซึ่งเป็นบริษัทอีคอมเมิร์ซของจีนออกมาก่อนหน้านั้น หลังจากที่ทางจีนเปิดเผยเกี่ยวกับแผน 5 ปีในเบื้องต้นตั้งแต่ปลายปี 2563 ขณะเดียวกันยังได้ขายหุ้นการศึกษาของจีนออกมาด้วยตังแต่ปลายปีก่อน เพราะมองว่าราคาหุ้นสูงเกินไปและบริษัทต่างๆ มีความสามารถในการแข่งขัน (Competitive Advantage) ที่ลดลง พร้อมกับสลับไปลงทุนในบริษัทอุตสาหกรรมที่มีราคาถูกกว่า
แต่ในขณะเดียวกันก็มีเฮดจ์ฟันด์อีกหลายแห่งที่ได้รับผลกระทบจากการที่หุ้นจีนถูกเทขายลงมา จนทำให้ผลประกอบการในปีนี้ติดลบไปกว่า 20% เช่น Snow Lake China, Cederberg และ Chaos Alpha Fund เป็นต้น
Dawid Krige หัวหน้าฝ่ายลงทุนของ Greater China specialist Cederberg Capital กล่าวว่า เราค่อนข้างประหลาดใจต่อความเร็วของการเทขายในครั้งนี้ มีความกังวลปกคลุมตลาดในวงกว้างว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมด้านการศึกษาที่มีการถือครองโดยต่างชาติ จะเป็นหนึ่งในสัญญาณว่าทางการจีนมีมุมมองที่เปลี่ยนไปต่อกลุ่มทุนต่างชาติหรือไม่
เมื่อจีนมีนโยบายที่เปลี่ยนไปต่ออุตสาหกรรมติวเตอร์ทำให้เกิดแรงเทขายหุ้นกลุ่มนี้ออกมาจนทำให้มูลค่าหายไปกว่า 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ และกระทบต่อผลประกอบการของกองทุนหลายแห่งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เช่น Snow Lake ซึ่งก่อนหน้านี้มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นกลุ่มนี้ค่อนข้างมาก ขณะที่ Cederberg Greater China Equity Fund ซึ่งรายงานขาดทุนในเดือนที่ผ่านมาเกือบจะมากที่สุดในรอบทศวรรษ เช่นเดียวกับ Brilliant Partners Fund ที่เคยทำกำไรสะสม 403% ในช่วง 8 ปีก่อนจนถึงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ผลประกอบการติดลบไป 22% ในเดือนกรกฎาคม
อ้างอิง:
