วันนี้ (27 ตุลาคม) นิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวสรุปผลการประชุมสุดยอดอาเซียนและการประชุมที่เกี่ยวข้องที่เกิดขึ้นระหว่างวันที่ 26 และ 27 ตุลาคม ณ ศูนย์การประชุมกัวลาลัมเปอร์ ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย
นอกจากพิธีลงนาม 4 ฝ่ายในถ้อยแถลงผลการหารือระหว่างรัฐบาลไทยและกัมพูชาที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้และรัฐมนตรีต่างประเทศได้แถลงสรุปไปแล้ว ยังมีการประชุมอีกหลายวงที่ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีไทยเข้าร่วม ได้แก่ การประชุมระดับทวิภาคีกับ อันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (UN), เฟอร์ดินานด์ มาร์กอส จูเนียร์ ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ และคริสตาลินา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
สำหรับการประชุมในกรอบอาเซียนที่ผู้นำไทยเข้าร่วมนั้น โฆษกกล่าวว่า รัฐบาลไทยยังคงยึดมั่นที่จะแสดงบทบาทในฐานะผู้เล่นทางยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการขับเคลื่อนสันติภาพ ความเจริญรุ่งเรือง และการพัฒนา ซึ่งรวมถึงกรอบอาเซียนกับคู่เจรจาด้วย
โดยในการประชุมสุดยอดอาเซียนครั้งที่ 47 แบบเต็มคณะที่นายกฯ เข้าร่วมนั้น ผู้นำอาเซียนได้แสดงความเสียใจต่อการเสด็จสวรรคตของพระบรมราชชนนีพันปีหลวง นอกจากนี้ผู้นำอาเซียนยังได้กล่าวต้อนรับติมอร์-เลสเต ที่เข้าร่วมประชุมอาเซียนในฐานะประเทศสมาชิกครั้งแรก
ในภาพรวมมีการหารือเกี่ยวกับทิศทางการเสริมสร้างประชาคมอาเซียนตามวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2045 และการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินความสัมพันธ์กับภาคีภายนอก โดยนายกฯ ได้ย้ำว่า อาเซียนเป็นรากฐานสำคัญของนโยบายการต่างประเทศของไทยและการมีปฏิสัมพันธ์กับภาคีภายนอกบนพื้นฐานของการเป็นแกนกลางของอาเซียน และการสร้างประชาคมโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง
ประเด็นต่อมา ไทยเน้นการสนับสนุนการรับมือกับความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์และภูมิเศรษฐศาสตร์โลกผ่านการพัฒนาทางเศรษฐกิจที่ครอบคลุมและยั่งยืน ผ่านการรวมตัวทางเศรษฐกิจ การผลักดันการบรรลุการเจรจาความตกลงทางเศรษฐกิจดิจิทัลในอาเซียน (DEFA) ให้แล้วเสร็จ และการส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสีเขียว ตลอดจนการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล และเกษตรยั่งยืน
ประเด็นที่ 3 ไทยยังเน้นย้ำความสำคัญในการแก้ปัญหาสแกมออนไลน์ หมอกควันข้ามแดน ภัยพิบัติทางธรรมชาติ และโรคระบาดที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนในภูมิภาคมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ส่วนในการประชุมอาเซียนแบบไม่เป็นทางการที่นายกฯ ได้มอบหมายให้ สีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว เข้าประชุมแทนนั้น ที่ประชุมได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการตามฉันทมติ 5 ข้อเพื่อแก้ไขสถานการณ์ในเมียนมา และสถานการณ์ในภูมิภาคและระหว่างประเทศ เช่น สถานการณ์ในทะเลจีนใต้ โดยรัฐมนตรีเน้นย้ำถึงการยึดมั่นของไทยต่อแนวทางภูมิภาคนิยมและพหุภาคีนิยม การสนับสนุนความพยายามในการเสริมสร้างสันติภาพในเมียนมา ผ่านการเปิดพื้นที่สำหรับการหารืออย่างครอบคลุม และเพิ่มช่องทางการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่เมียนมา
ทั้งสองเวทีไทยยังยึดมั่นการแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคี ยึดมั่นต่อข้อตกลงหยุดยิง และถ้อยแถลงผลการพบหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยและกัมพูชาที่เพิ่งลงนามไปและมีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ร่วมเป็นสักขีพยาน
อีกการประชุมที่สำคัญคือการประชุมสุดยอดอาเซียน-สหรัฐฯ เมื่อวานนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศเป็นตัวแทนเข้าร่วมประชุม ซึ่งที่ประชุมได้เน้นย้ำความเป็นหุ้นส่วนระหว่างอาเซียนกับสหรัฐฯ ที่มีมายาวนาน หลายประเทศกล่าวชื่นชมบทบาทของโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีส่วนช่วยให้เกิดสันติภาพในพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ในไทย-กัมพูชา และสถานการณ์ในกาซา
ที่ประชุมดังกล่าวยังมีการหารือในประเด็นที่ทุกประเทศให้ความสำคัญ นั่นคือการปราบอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะสแกมออนไลน์ การค้ามนุษย์ ยาเสพติด และอาชญากรรมไซเบอร์ โดยไทยได้เสนอตัวเป็นเจ้าภาพการประชุมระหว่างประเทศเรื่องการต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ
สำหรับการประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น ครั้งที่ 28 ได้กำหนดทิศทางความร่วมมือในด้านต่างๆ เช่น เรื่องเทคโนโลยีดิจิทัล AI พลังงานสะอาด และความเชื่อมโยง
ส่วนการประชุมสุดยอดอาเซียน-อินเดีย ครั้งที่ 22 มีการทบทวนและหารือทิศทางความร่วมมืออาเซียน-อินเดีย ภายใต้ความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน ทั้งในด้านการเมือง ความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และความเชื่อมโยง โดยมีการเร่งรัดการสรุปการเจรจาทบทวนความตกลงด้านสินค้าอาเซียน-อินเดียตามกรอบเวลาที่กำหนด และประกาศให้ปี 2026 เป็นปีแห่งความร่วมมือทางทะเลอาเซียน-อินเดียด้วย
ด้านการประชุมสุดยอดอาเซียน-เกาหลีใต้ ครั้งที่ 26 ในวันนี้ เป็นการพบกันครั้งแรกระหว่างประธานาธิบดีอีแจ-มยอง ของเกาหลีใต้กับผู้นำอาเซียน ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญที่อาเซียนและเกาหลีใต้จะกำหนดทิศทางความร่วมมือภายใต้ความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน โดยนายกฯ ไทยในฐานะผู้ประสานงานอาเซียน-เกาหลีใต้ปีนี้ได้ชูประเด็นความร่วมมือในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ นอกจากนี้ไทยยังแสดงความพร้อมที่จะเป็นเจ้าภาพการประชุมนานาชาติว่าด้วยการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ซึ่งเกาหลีใต้ก็แสดงความพร้อมที่จะร่วมมือในด้านนี้ ขณะเดียวกันก็มีการหารือเพื่อเร่งรัดการเจรจา FTA ระหว่างอาเซียนและเกาหลีใต้ด้วย
ต่อมาเป็นการประชุมอาเซียน+3 มีการหารือเรื่องทิศทางความร่วมมือ โดยเฉพาะด้านการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัล ความมั่นคงทางอาหาร การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทะเลจีนใต้ สถานการณ์ในเมียนมา คาบสมุทรเกาหลี ยูเครน และภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยประเด็นที่ไทยผลักดันมีอยู่ 3 เรื่อง คือ ความมั่นคงทางการเงิน ความมั่นคงทางดิจิทัล และความมั่นคงของมนุษย์
นอกจากนี้วันนี้ยังมีการประชุมสุดยอดกรอบความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค หรือ RCEP ซึ่งถือเป็นการประชุมระดับผู้นำครั้งแรกนับตั้งแต่ความตกลง RCEP มีผลบังคับใช้ในปี 2022 เพื่อหารือแนวทางการยกระดับการดำเนินการตามพันธกรณีภายใต้ RCEP เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นของประเทศภาคี RCEP ในการรักษาระบบการค้าพหุภาคี ซึ่งประเด็นที่ไทยผลักดันมี 3 ประเด็น คือ (1) การสนับสนุนบทบาทของ RCEP รวมทั้งระบบการค้าพหุภาคีที่โปร่งใสและมีกฎเกณฑ์ที่แน่นอน (2) การส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากกลุ่ม RCEP อย่างเต็มที่ และเร่งรัดกระบวนการรับสมาชิกใหม่ เพื่อให้เศรษฐกิจของ RCEP ขยายตัวได้ดีขึ้นจากการขยายเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานที่จะช่วยเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ ซึ่งเวลานี้มีฮ่องกง ชิลี ศรีลังกา และบังกลาเทศได้ขอเข้าร่วม RCEP แล้ว และ (3) การเสนอแนะแนวทางความเป็นผู้นำทางการค้าของ RCEP โดยให้ทบทวนทิศทางความร่วมมือให้สอดคล้องกับความเป็นไปของโลกและความต้องการของภาคธุรกิจ
ภาพ: กระทรวงการต่างประเทศ


