×

IPO อาเซียนปี 2568 ลมเปลี่ยนทิศเน้น ‘คุณภาพ’ มากกว่า ‘ปริมาณ’ ไทยมูลค่าระดมทุนรั้งท้าย 8 พันล้านบาท สิงคโปร์-เวียดนาม ครองดีลใหญ่

29.12.2025
  • LOADING...
IPO อาเซียนปี 2568 ลมเปลี่ยนทิศเน้น ‘คุณภาพ’ มากกว่า ‘ปริมาณ’ ไทยมูลค่าระดมทุนรั้งท้าย 8 พันล้านบาท สิงคโปร์-เวียดนาม ครองดีลใหญ่

HIGHLIGHTS

  • ตลาด IPO อาเซียน กลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ในช่วง 10.5 เดือนของปี 2568 แม้บริษัทจดทะเบียนลดลงเหลือ 102 บริษัท แต่มูลค่าระดมทุนเพิ่มขึ้น 1.74 แสนล้านบาท สะท้อนว่าตลาดหันมาโฟกัส ‘คุณภาพ’ บริษัทจดทะเบียน มากกว่า ‘จำนวน’
  • มูลค่าระดมทุนที่พุ่งสูงขึ้นในปีนี้ ได้รับแรงหนุนหลักจากดีลขนาดใหญ่ ในภาคส่วนอสังหาริมทรัพย์ บริการทางการเงิน และสินค้าอุปโภคบริโภค
  • สิงคโปร์-เวียดนาม ผู้นำดีลยักษ์ IPO อาเซียน มีมูลค่าระดมทุน 49,840 ล้านบาท และ 31,150 ล้านบาท ตามลำดับ
  • มาเลเซีย-อินโดนีเซีย ครองแชมป์จำนวน IPO มีบริษัทจดทะเบียนใหม่ 48 และ 24 บริษัท ตามลำดับ
  • ตลาดหุ้น IPO ไทย ซบเซาทั้งจำนวนบริษัทจดทะเบียน และมูลค่าระดมทุน โดยระดมทุนได้ 8,991 ล้านบาท ต่ำสุดในรอบ 22 ปี
  • หุ้น IPO ไทยจ่อฟื้นปลายปี 2569 Fed ลดดอกเบี้ย เม็ดเงินลงทุนไหลกลับตลาดหุ้นไทย ดีลใหญ่จ่อยื่นไฟลิ่ง

หลังโควิด ตลาด IPO ไทย ซบเซาลงอย่างต่อเนื่อง สะท้อนจากจำนวนบริษัทจดทะเบียน และมูลค่าระดมทุนที่ตกต่ำลงจากระดับแสนล้าน มาอยู่ที่ระดับ 20,000-30,000 ล้านบาท สะท้อนภาวะตลาดที่ขาดสภาพคล่อง จากวิกฤตความเชื่อมั่นในตลาดหุ้น โดยเฉพาะปัญหาการทุจริตหุ้นภายในของ บจ.

 

นอกจากนี้ หุ้นที่เข้ามาระดมทุนในตลาดยังเป็นหุ้นขนาดเล็ก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจอุตสาหกรรมเก่า ที่ไม่ได้มีแนวโน้มการเติบโตแบบก้าวกระโดดในอนาคต รวมถึง PE ที่ถูก ทำให้หุ้นไทยขาดความเซ็กซี่ในสายตานักลงทุน ท่ามกลางความผันผวนจากปัจจัยภายนอก

 

คำถามคือ ในปี 2568 เมื่อเทียบกับอาเซียน ตลาด IPO ประเทศอื่นซบเซาแบบเดียวกันไหม อะไรคือปัจจัยเสี่ยง และอะไรคือข้อได้เปรียบที่สร้างแต้มต่อให้กับตลาดแต่ละประเทศ เมื่อเทียบผลการดำเนินไทยอยู่ตรงไหน ?

 

รายงานล่าสุดของ Deloitte พบว่า ในช่วง 10.5 เดือนของปี 2568 ตลาด IPO อาเซียน ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยมีแรงขับเคลื่อนหลักดีลขนาดใหญ่ และการเปลี่ยนแปลงของภาคอุตสาหกรรมที่เข้ามาจดทะเบียนในสิงคโปร์, เวียดนาม, มาเลเซีย และอินโดนีเซีย ที่น่าสนใจคือ แม้จำนวนบริษัทที่เข้าจดทะเบียนจะลดลงเหลือ 102 บริษัท (ลดลงจาก 136 บริษัทในปี 2024) แต่เม็ดเงินระดมทุนรวมกลับพุ่งสูงขึ้นแตะระดับ 5.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.74 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 53% จากปี 2024 สะท้อนว่าตลาดให้ความสำคัญกับหุ้น IPO ที่ ‘คุณภาพ’ มากกว่า ‘ปริมาณ’

 

โดยขนาดดีล IPO โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากประมาณ 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 ตลาดสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และเวียดนาม มีมูลค่าระดมทุนรวมกันมากกว่า 4.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นกว่า 83% ของเงินระดมทุนทั้งหมดในอาเซียน

 

มูลค่าระดมทุนที่พุ่งสูงขึ้นในปีนี้ ได้รับแรงหนุนหลักจากดีลขนาดใหญ่ (blockbuster IPOs) ในภาคส่วนอสังหาริมทรัพย์ บริการทางการเงิน และสินค้าอุปโภคบริโภค

 

สิงคโปร์-เวียดนาม ผู้นำดีลยักษ์ IPO อาเซียน

 

ตลาด IPO อาเซียนกลับมาฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยมีสิงคโปร์และเวียดนามเป็นหัวหอกหลักในการขับเคลื่อน ‘มูลค่าระดมทุน’ ภูมิภาคในช่วง 10.5 เดือนของปี 2568

 

สิงคโปร์ยังครองอันดับ 1 ในแง่ของมูลค่าการระดมทุนตลาด IPO โดยมีบริษัทจดทะเบียนทั้งหมด 9 บริษัท มูลค่ารวมประมาณ 1.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (49,840 ล้านบาท) ปัจจัยสำคัญมาจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และการปฏิรูปโครงสร้างตลาดที่เอื้อต่อการลงทุน

 

  • ปัจจัยหนุน: ความสำเร็จในปีนี้ขับเคลื่อนโดยการจดทะเบียนของกองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REITs) ยักษ์ใหญ่ 2 แห่ง ได้แก่ NTT DC REIT และ Centurion Accommodation REIT ซึ่งแต่ละดีลระดมทุนได้มากกว่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และเมื่อรวมกันแล้วคิดเป็น 88% ของมูลค่าการระดมทุน ทั้งหมดในสิงคโปร์ นอกจากนี้การปฏิรูปกฎระเบียบและโครงสร้างตลาดหุ้น โดยธนาคารกลางสิงคโปร์ (MAS) ที่กำกับดูแลโดยเน้นการเปิดเผยข้อมูลเป็นหลัก (Disclosure-based Regulatory Regime) เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐาน ตลาดประเทศพัฒนาแล้ว
  • มูลค่าระดมทุนสูงสุดรอบ 7 ปี: มูลค่าการระดมทุนในปี 2568 ของสิงคโปร์พุ่งสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2019
  • ผลตอบแทนโดดเด่น: หุ้น IPO ในปีนี้ให้ผลตอบแทนหลังเข้าจดทะเบียน (Post-IPO returns) ที่แข็งแกร่ง โดยปิดวันแรกให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 12% และให้ผลตอบแทนสะสมนับจากต้นปี (Year-to-Date) สูงถึง 29%

 

เทย์ ฮุย หลิง (Tay Hwee Ling) ผู้อำนวยการฝ่ายบริการตลาดทุนของ Deloitte Southeast Asia ให้ความเห็นว่า “การฟื้นตัวของสิงคโปร์เป็นสัญญาณของการเรียกคืนความเชื่อมั่นจากนักลงทุนทั่วโลก ตลาดในปีนี้ เน้นดีลที่มีขนาดใหญ่ (Large-cap) แม้จำนวนบริษัทจดทะเบียนจะน้อยลง แต่เปี่ยมด้วยคุณภาพ ด้วยการสนับสนุนจากมาตรการของ MAS เช่น โครงการพัฒนาตลาดทุนมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์สิงคโปร์ ที่ช่วยเพิ่มสภาพคล่อง และตอกย้ำตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) ในฐานะผู้นำการฟื้นตัว ของตลาดทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้”

 

เมื่อมองไปข้างหน้า คาดว่านักลงทุนจะยังให้ความสนใจกับตลาด IPO สิงคโปร์ จากจำนวนบริษัทที่เตรียมเข้าจดทะเบียน และบริษัทจดทะเบียนข้ามพรมแดน (Cross-border Listings) ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงบริษัทในอาเซียนที่มีความสนใจจดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์

 

เวียดนามกลับมาสร้างความฮือฮา ด้วยการเข้าระดมทุน 2 ดีลยักษ์ใหญ่ในภาคบริการทางการเงิน ได้แก่ Techcom Securities (TCBS) และ VP Bank Securities ซึ่งมียอดระดมทุนรวมกันถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (31,150 ล้านบาท) หลังจากเผชิญกับภาวะตลาดซบเซาที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปี 2018

 

  • ปัจจัยหนุน: เศรษฐกิจมหภาคที่เติบโตอย่างมีเสถียรภาพ นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และการบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนที่ยืดหยุ่น ทั้งนี้ปัจจัยที่ต้องจับตามองในปีหน้า คือการที่เวียดนามยกระดับสถานะสู่ ‘ตลาดเกิดใหม่ในกลุ่มรอง’ (Secondary Emerging Market) ซึ่งจะมีผลในเดือนกันยายน 2026 คาดว่าจะช่วยดึงดูดเงินทุนจากต่างชาติได้อีกมหาศาล

 

จิ่ง บุ่ย (Trinh BUI) หุ้นส่วนฝ่ายบริการตลาดทุนของ Deloitte Vietnam กล่าวว่า

 

“ตลาด IPO ของเวียดนามกำลังเข้าสู่วัฏจักรการเติบโตใหม่ที่มีคุณภาพสูง ครอบคลุมทั้งอุตสาหกรรมการเงิน อสังหาริมทรัพย์ และเทคโนโลยี หัวใจสำคัญคือการปฏิรูปกฎระเบียบ การกำกับดูแล ที่มุ่งเน้นความโปร่งใส และยกระดับโครงสร้างพื้นฐานตลาดหุ้น ซึ่งจะทำให้เวียดนามกลายเป็นหนึ่งในตลาดเกิดใหม่ที่น่าดึงดูดใจที่สุดในเอเชีย”

 

มาเลเซีย-อินโดนีเซีย ครองแชมป์จำนวน IPO

 

มาเลเซียยังคงครองแชมป์ ‘จำนวนบริษัทจดทะเบียน’ สูงสุดในภูมิภาค โดยมีบริษัทเข้า IPO ทั้งหมด 48 บริษัท มูลค่าระดมทุน 1.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (34,265 ล้านบาท) ซึ่งแรงขับเคลื่อนหลักมาจากตลาด ACE Market (ตลาดสำหรับธุรกิจขนาดกลางและย่อมที่มีศักยภาพสูง) แม้ว่าตัวเลขในเชิงมูลค่าหลักทรัพย์ (Market Cap) และเงินระดมทุนรวมจะปรับตัวลดลงบ้าง แต่แนวโน้มตลาดมาเลเซียยังอยู่ในทิศทางที่น่าพอใจ โดยปัจจุบันได้บรรลุเป้าหมายมีบริษัทจดทะเบียนครบ 60 บริษัทในปีนี้

 

  • ผลตอบแทนวันแรกปิดบวก

 

หุ้นในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม และสินค้าอุปโภคบริโภค สร้างปรากฏการณ์ ‘หุ้นร้อน’ โดย THMY Holdings Berhad ปิดวันแรกบวกถึง 193.55% และ Oriental Kopi Holdings Berhad ปิดบวก 98.86%

 

  • ดีลข้ามพรมแดน

 

มาเลเซียเริ่มเห็นความหลากหลายจากการเข้ามาจดทะเบียนของบริษัทต่างชาติ เช่น UMS Integration Ltd (จดทะเบียนในตลาดหุ้นสิงคโปร์) และ Cuckoo International (MAL) Berhad ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ Cuckoo Holdings จากเกาหลีใต้

 

ว่อง กา ชุน (Wong Kar Choon) หุ้นส่วนฝ่ายบริการตลาดทุนของ Deloitte Malaysia กล่าวว่า “ตลาด IPO ของมาเลเซียมีความหลากหลายสูงมาก โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคและพลังงาน แม้จะมีปัจจัยลบจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และมาตรการภาษีศุลกากรที่กระทบภาคการส่งออก แต่บริษัทที่เน้นอุปสงค์ภายในประเทศยังคงมีความแข็งแกร่ง และเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักลงทุนอย่างดี”

 

ด้านตลาด IPO อินโดนีเซียมีการปรับตัวที่ชัดเจน โดยเน้นการนำบริษัทที่มีมูลค่าสูง เข้าจดทะเบียนแทนการเน้นจำนวน โดยปีนี้มีบริษัทจดทะเบียนใหม่ 24 บริษัท มีมูลค่าระดมทุนรวม 921 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (28,689 ล้านบาท)

 

  • พลังงาน

 

เป็นกลุ่มอุตสาหกรรมที่เป็นหัวหอกในการระดมทุน ครอบคลุมทั้งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และเหมืองแร่ โดยมีดีลยักษ์ใหญ่คือ PT Merdeka Gold Resource Tbk (ระดมทุน 279 ล้านดอลลาร์) และ PT Chandra Daya Investasi Tbk (ระดมทุน 144 ล้านดอลลาร์)

 

  • อสังหาริมทรัพย์และสินค้าอุปโภคบริโภค

 

ตามมาเป็นอันดับสองและสาม โดยมีบริษัทชื่อดังอย่าง PT Bangun Kosambi Sukses Tbk (ในเครือ Agung Sedayu Group) และ PT Yupi Indo Jelly Gum Tbk เข้าจดทะเบียนเสริมความแข็งแกร่ง

 

เทย์ ฮุย หลิง (Tay Hwee Ling) ผู้อำนวยการฝ่ายบริการตลาดทุนของ Deloitte Southeast Asia ให้ความเห็นว่า “นักลงทุนในอินโดนีเซียให้ความสำคัญกับบริษัทที่มีพื้นฐานทางธุรกิจที่แข็งแกร่งและ ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ โดยเฉพาะกลุ่มโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานหมุนเวียน ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดของประเทศ”

 

IPO ไทย สภาพคล่องหาย มูลค่ารั้งท้าย

 

สำหรับผลงานตลาด IPO ไทย ข้อมูลล่าสุด ณ วันที่ 23 ธ.ค.2568 พบว่ามีบริษัทจดทะเบียนใหม่ทั้งหมด 18 บริษัท มูลค่าระดมทุนรวม 8,991.70 ล้านบาท โดยบริษัทเข้าระดมทุนลดลง 43.75% จากปี 2024 เช่นเดียวกับมูลค่าระดมทุน ที่ลดลงมากถึง 56% จากปี 2024 ทำให้มูลค่าระดมทุนต่ำสุดในรอบ 22 ปี

 

ซ้ำร้ายราคาหุ้นหลังเข้า IPO มี 12 จาก 18 ตัว ที่ราคาต่ำจองจากราคาเสนอขาย โดยส่วนใหญ่ราคาต่ำจองอยู่ที่ 30-50%

 

ทั้งนี้ สาเหตุที่ตลาด IPO ซบเซา หลักๆ เป็นผลมาจากภาวะตลาดที่ ‘สภาพคล่องลดลง’ จากการเปลี่ยนผ่านกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ไปสู่กองทุนรวมเพื่อความยั่งยืน (ESG) ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความแข็งแกร่งของนักลงทุนสถาบันและสภาพคล่องในตลาดหุ้นไทย เมื่อกองทุน LTF ครบอายุไถ่ถอน ทำให้เม็ดเงินลงทุนไหลไปยังตราสารหนี้ และการลงทุนต่างประเทศมากกว่าหุ้นไทย นักลงทุนสถาบันจึงขาด ‘เงินลงทุนใหม่’ จึงต้องขายหุ้นที่ถืออยู่ เพื่อซื้อหุ้นใหม่ โดยเน้นซื้อเก็บหุ้นตัวใหญ่ที่มีมูลค่าสูง

 

ประกอบกับแรงขายสุทธิของนักลงทุนต่างชาติสะสมกว่า 400,000 ล้านบาท จึงทำให้แรงซื้อสองเสาหลักที่ค้ำจุนตลาดหุ้นไทย ได้แก่ นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนต่างประเทศอ่อนกำลังลง ในขณะที่นักลงทุนรายย่อยก็เน้นซื้อหุ้น IPO เพื่อเกร็งกำไรในการซื้อขายวันแรก เนื่องจากมีความอ่อนไหวต่อข่าวร้ายมากกว่า

 

กองทุน PE กุญแจเร่งการเติบโตของตลาด IPO อาเซียน

 

การที่กองทุนส่วนบุคคล หรือ Private Equity (PE) เข้ามามีบทบาทในตลาด IPO อาเซียน กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยดึงมูลค่าดีลเฉลี่ยให้สูงขึ้น พร้อมกับเสริมสร้างความเชื่อมั่น ให้แก่ตลาดทุนในภาพรวม

 

แม้ว่าจำนวนบริษัทจดทะเบียนในภาพรวมจะลดลง แต่มูลค่าการระดมทุนรวมกลับพุ่งสูงขึ้นถึง 54% สะท้อนว่าบริษัทที่มีกองทุน PE หนุนหลังมักเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีโครงสร้างธุรกิจ แข็งแกร่งและเติบโตเต็มที่ ซึ่งมีเป้าหมายในการใช้ตลาดหลักทรัพย์เป็น ช่องทางหลักในการทำกำไรและถอนการลงทุน (Key Exit Route)

 

ปรากฏการณ์นี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านทิศทางตลาด IPO อาเซียนที่เน้น ‘คุณภาพมากกว่าปริมาณ’ โดย PE และนักลงทุนสถาบันกำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น ในการกำหนดทิศทางการเติบโตของตลาดหุ้นอาเซียน

 

ทั้งนี้ การฟื้นตัวในครั้งนี้ ไม่เพียงบ่งชึ้ถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้น แต่ยังสะท้อนถึงบรรยากาศการถอนทุน (Exit Environment) ที่กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยกลุ่มธุรกิจที่ PE มักลงทุนได้แก่

 

  • โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล: เช่น กองทรัสต์อสังหาริมทรัพย์ (REITs) และศูนย์ข้อมูล (Data Centers)
  • บริการทางการแพทย์ (Health Care)
  • ค้าปลีก (Consumer Retail)
  • เทคโนโลยี (Technology)

 

เทรนด์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจและแนวโน้มการลงทุนในอาเซียน กำลังมุ่งไปสู่การเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี และการลงทุนสินทรัพย์ในโลกจริง (Real Assets)

 

ในด้านการระดมทุนของกองทุน PE เองยังคงมีเสถียรภาพ โดยมีการจัดสรรเงินลงทุน (Capital Deployment) ไปยังบริษัทในพอร์ตโฟลิโออย่างมีนัยสำคัญ เพื่อปรับปรุงโครงสร้างและสร้าง ความพร้อมในการเข้าจดทะเบียน ซึ่งจะเป็นแรงส่งสำคัญ ให้มีบริษัทคุณภาพดีจ่อคิวเข้าตลาด อย่างต่อเนื่องไปถึงปี 2026

 

ดีลใหญ่หนุน IPO ไทยจ่อฟื้นปี 2569

 

สำหรับผลกระทบการเลือกตั้งต่อแนวโน้มตลาด IPO ปี 2569 ‘สรวิศ ไกรฤกษ์’ รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และ สายงานการตลาด ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มองว่า ข่าวการยุบสภา ตลาดรับรู้มาสักพักแล้วว่าจะเกิดขึ้น แม้ล่าสุดรัฐบาลอนุทินจะประกาศยุบสภาเร็วขึ้น 2 สัปดาห์ ตลาดก็คาดการณ์ไว้แล้ว

 

ทั้งนี้ ระยะเวลาการเข้า IPO เป็น Seasonal เหมือนเดิมทุกปี คือบริษัทที่สนใจระดมทุนจะรอปิดงบปีสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ และอัปเดตข้อมูลเพื่อยื่นไฟลิ่งช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ซึ่งส่วนใหญ่มักยื่นก่อนวันหยุดสงกรานต์

 

ดังนั้น สำหรับบริษัทที่มีแผนเข้าระดมทุนอยู่แล้วไม่ได้กระทบอะไร เพราะกระบวนการพิจารณาจะต้องใช้เวลาขั้นต่ำอีก 6 เดือน กว่าจะได้วันเสนอขายก็เป็นช่วงสิ้นปี หรืออาจดีเลย์ได้ถึง 1 ปี

 

สำหรับปีหน้า ปัจจัยท้าทายต่อตลาด IPO ยังมีอยู่ แต่ที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ก็มีลูกค้าใน Pipeline ของตัวเอง ปัจจุบันบริษัทประมาณ 5-6 บริษัทที่ยื่นไฟลิ่งแล้วรออนุมัติคำขอเสนอขาย และบริษัทขนาดใหญ่ที่อยู่ระหว่างเตรียมยื่นไฟลิ่ง คาดว่าจะทำให้ Sentiment หุ้น IPO ฟื้นตัวทั้งจำนวนบริษัทจดทะเบียนและมูลค่าระดมทุน

 

อย่างไรก็ตาม หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 2 รอบในปี 2569 มีความเป็นไปได้ว่าเงินทุนจะไหลกลับเข้ามาในช่วงกลางปีถึงปลายปี ซึ่งจะกระตุ้นกิจกรรมหุ้น IPO ให้กลับมาคึกคัก

 

นอกจากนี้ ต้องรอดูนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะมีมาตรการสนับสนุน Incentive กองทุนลดหย่อนภาษี เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับสถาบันหรือไม่ หากมีปัจจัยสนับสนุนครบทั้ง 2 ปัจจัย คาดว่าจะช่วยคลี่คลายปัญหา IPO ในอดีตได้

 

ขนาดดีล IPO เฉลี่ยเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัว เมื่อเทียบกับปี 2024 โดยเพิ่มขึ้นจากประมาณ 27 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 55 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

 

IPO อาเซียนปี 2568 ลมเปลี่ยนทิศเน้น ‘คุณภาพ’ มากกว่า ‘ปริมาณ’ ไทยมูลค่าระดมทุนรั้งท้าย 8 พันล้านบาท สิงคโปร์-เวียดนาม ครองดีลใหญ่ 1

 

ภาพประกอบ: ณัฏฐ์กานต์ ดวงมาตย์พล

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising