×

อธิบดีกรมอาเซียนเผย ประชุมผู้นำอาเซียนปีนี้มุ่งเพิ่มความร่วมมือกับนานาชาติปราบสแกมเมอร์

24.10.2025
  • LOADING...
อธิบดีกรมอาเซียนเผย ประชุมผู้นำอาเซียนปีนี้มุ่งเพิ่มความร่วมมือกับนานาชาติ ปราบสแกมเมอร์

พลพงศ์ วังแพน อธิบดีกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนไทยที่ประเทศมาเลเซียวานนี้ (23 ตุลาคม) ถึงภาพรวมการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนปี 2025 ที่จะจัดขึ้นที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ระหว่างวันที่ 26-28 ตุลาคมว่า เป็นการประชุมที่มีความสำคัญมาก เพราะเกิดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์โลกที่มีความผันผวนสูง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแข่งขันของมหาอำนาจ การเดินหน้านโยบายของขั้วอำนาจต่างๆ ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งมิติเศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ

 

อธิบดีกล่าวว่า การประชุมรอบนี้ถือเป็นโอกาสอันดีที่ผู้นำอาเซียน รวมถึงนายกรัฐมนตรีของไทยจะได้แสดงออกถึงการยึดมั่นในเรื่องความร่วมมือระหว่างประเทศ โดยเฉพาะความร่วมมือในระดับภูมิภาค และความร่วมมือกับภาคีภายนอกของอาเซียน

 

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือการเดินทางมาร่วมประชุมของผู้นำโลกหลายคน เช่น โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ, หลี่เฉียง นายกรัฐมนตรีของจีน, แอนโทนี แอลบานีส นายกรัฐมนตรีของออสเตรเลีย, คริสโตเฟอร์ ลักซัน นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์, อีแจมยอง ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ และซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของญี่ปุ่น ซึ่งนับเป็นโอกาสที่อาเซียนจะได้แสดงพลังและแนวทางความร่วมมือที่สร้างสรรค์กับประเทศที่เป็นภาคีภายนอกของอาเซียน โดยประเทศเหล่านี้มีสถานะเป็นประเทศคู่เจรจา ซึ่งการที่ผู้นำไทยได้พบกับผู้นำประเทศภาคีภายนอกจะสามารถแสดงออกว่าไทยยึดมั่นในระบบพหุภาคีในเรื่องของความร่วมมือต่างๆ ในกรอบของภูมิภาคด้วย และเป็นการแสดงออกว่าอาเซียนต้องรักษาเอกภาพและความเป็นแกนกลางของอาเซียนในบริบทของโลกที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

 

อธิบดีกรมอาเซียนกล่าวว่า ไทยให้ความสำคัญกับเรื่องของการเกื้อหนุนสันติภาพและเสถียรภาพ สนับสนุนการรวมตัวทางเศรษฐกิจของภูมิภาค รวมถึงการพัฒนาศักยภาพของประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งทั้งหมดจะมุ่งไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ปัจจุบันประเทศไทยให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล โดยไทยเป็นประธานคณะเจรจากรอบความตกลงอาเซียนว่าด้วยเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งคาดหวังจะสามารถเจรจาได้สำเร็จภายในปีหน้า

 

สิ่งที่จะมาควบคู่กับเศรษฐกิจดิจิทัลคือการเปลี่ยนผ่านพลังงานเพื่อไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ซึ่งไทยและอาเซียนพยายามที่จะแสวงหาแหล่งพลังงานสะอาดเพื่อเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดในประเทศมากขึ้น โดยอาเซียนได้ตั้งเป้าที่จะใช้พลังงานสะอาดหรือพลังงานหมุนเวียนให้ได้สัดส่วนร้อยละ 43 ภายในปี 2030 ส่วนไทยตั้งเป้า Net Zero ไว้ที่ปี 2050 ซึ่งเป็นการปรับเป้าหมายใหม่

 

นอกจากสองประเด็นข้างต้นแล้ว อธิบดีกรมอาเซียนกล่าวว่า ไทยให้ความสำคัญกับการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะเรื่องของสแกมออนไลน์หรืออาชญากรรมทางไซเบอร์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เพราะปัญหาเหล่านี้นอกจากจะสร้างปัญหาให้ประชาชนอาเซียนแล้ว ยังบั่นทอนการพัฒนาเศรษฐกิจอีกด้วย โดยเฉพาะเศรษฐกิจดิจิทัลที่ไทยกำลังจะมุ่งไป

 

อธิบดีเผยว่า อาเซียนมีความร่วมมือในการปราบปรามสแกมเมอร์มา 2-3 ปีแล้ว ไม่ใช่เพิ่งดำเนินการ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันมีความรุนแรงจนประเทศนอกภูมิภาคให้ความสนใจ เพราะประชาชนของประเทศเหล่านั้นได้รับผลกระทบ ดังนั้นปัญหานี้จึงต้องอาศัยความร่วมมือในระดับนานาชาติ

 

กับคำถามว่า ไทยมีข้อเสนออะไรในการช่วยกวาดล้างสแกมเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านนั้น อธิบดีกรมอาเซียนตอบว่า ไทยจะเพิ่มความร่วมมือในเรื่องนี้ ไม่ว่าจะผ่านกลไกต่างๆ ที่อาเซียนมี เช่น ในกรอบการประชุมรัฐมนตรีด้านดิจิทัลเมื่อต้นปีที่มีการออกปฏิญญากรุงเทพฯ เพื่อต่อต้านสแกมออนไลน์หรืออาชญากรรมไซเบอร์ต่างๆ นอกจากนี้ยังมีการจัดตั้งคณะทำงานว่าด้วยการต่อต้านอาชญากรรมไซเบอร์ด้วย

 

ส่วนในที่ประชุมอาเซียนรอบนี้คาดหมายว่าจะมีถ้อยแถลงของผู้นำที่จะเพิ่มความร่วมมือในด้านการปราบสแกมออนไลน์ด้วย ซึ่งถือเป็นโอกาสดีที่จะทำให้เกิดความร่วมมือไม่ใช่แค่ในเฉพาะอาเซียนเท่านั้น แต่ขยายไปสู่ความร่วมมือนอกภูมิภาคด้วย

 

ในส่วนของบทบาทสหรัฐฯ นั้น ก็จะมีการเสนอผ่านกรอบการประชุม East Asia Summit ให้มีแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือในการปราบปรามสแกมออนไลน์เป็นการเฉพาะด้วย ซึ่งก็สะท้อนว่า ปัญหาดังกล่าวกระทบไปทั้งโลก และสหรัฐฯ ก็มีความจริงใจและใส่ใจที่จะร่วมแก้ปัญหานี้

 

สำหรับประเด็นเรื่องเมียนมา ก็เป็นอีกประเด็นที่การประชุมอาเซียนรอบนี้ให้ความสำคัญ ซึ่งสำหรับไทยก็ยังต้องแสดงบทบาทนำในฐานะที่ไทยเป็นประเทศเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดและได้รับผลกระทบจากปัญหาความไม่สงบ ในการทำให้เกิดความร่วมมือกับอาเซียนและประเทศนอกภูมิภาคด้วย รวมทั้งส่งเสริมบทบาทของประธานอาเซียนปีนี้ ในการที่จะขับเคลื่อนฉันทามติ 5 ข้อของผู้นำอาเซียนในเรื่องนี้ด้วย

 

ส่วนเรื่องการเลือกตั้งในเมียนมาที่จะจัดขึ้นในเดือนธันวาคมนี้ อธิบดีกล่าวว่าไทยก็มีการติดตามพัฒนาการเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด แต่ต้องดูว่าอาเซียนจะมีท่าทีต่อเรื่องนี้อย่างไร แต่สำหรับไทยมองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้อาจจะไม่สมบูรณ์แบบ แต่อย่างน้อยก็อาจนำไปสู่การขับเคลื่อนกระบวนการสันติภาพภายในเมียนมา

 

ด้านปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชาที่อยู่ในความสนใจ อธิบดีย้ำว่าเรื่องนี้เป็นประเด็นทวิภาคีที่ไทยและกัมพูชา สองประเทศจะต้องร่วมกันแก้ไข แต่ไทยไม่ปฏิเสธความหวังดีหรือความปรารถนาดีจากประเทศอื่นๆ โดยเฉพาะบทบาทของประธานอาเซียน ซึ่งก็คือมาเลเซีย ในการเข้ามาช่วยให้เกิดพัฒนาการต่างๆ อย่างที่ผ่านมา

 

อีกไฮไลต์สำคัญของการประชุมอาเซียนปีนี้คือ การรับสมาชิกใหม่ของอาเซียน นั่นคือ ติมอร์-เลสเต ซึ่งอธิบดีกล่าวว่า จะช่วยสร้างประชาคมที่เข้มแข็งของอาเซียนตามวิสัยทัศน์อาเซียน 2045

 

ภาพ: กระทรวงการต่างประเทศ

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising