‘อาเซียน’ จะเป็นภูมิภาคที่มีเศรษฐกิจโตเร็วที่สุดในโลกในปี 2025 โดยคาดว่า เศรษฐกิจอาเซียน-5 จะขยายตัวได้ถึง 4.6% อย่างไรก็ตาม ธนาคารกรุงศรีฯ คาดว่า เศรษฐกิจไทยน่าจะโตต่ำที่สุดในกลุ่มดังกล่าวต่ออีกปี โดยอยู่ที่ราว 2.7% เท่านั้น
วานนี้ (3 มีนาคม) ดร.พิมพ์นารา หิรัญกสิ หัวหน้าทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (จำกัด) มหาชน กล่าวว่า ในปี 2025 เศรษฐกิจอาเซียน-5 (ซึ่งประกอบไปด้วย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย) คาดว่า จะขยายตัว 4.6% เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าที่ขยายตัว 4.5% นับเป็นภูมิภาคที่ขยายตัวสูงสุดเป็นอันดับต้นของโลกในปีนี้
โดยแรงหนุนต่อเศรษฐกิจอาเซียนในปีนี้ได้แก่ อุปสงค์ภายในประเทศ การส่งออก และการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) ที่ได้รับอานิสงส์จากกระแสการเปลี่ยนแปลงในห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
เตือนอาเซียนอาจไม่ได้รับอานิสงส์จากสงครามการค้ารอบนี้
อย่างไรก็ตาม ดร.พิมพ์นารา เตือนว่า ในปีนี้อาเซียนยังคงเผชิญความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกที่อาจเพิ่มความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจผ่านทั้งช่องทางการค้าและช่องทางการเงิน เนื่องจากอุปสงค์จากต่างประเทศ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ และจีน เริ่มอ่อนแรงลง จากความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น
“แม้ว่า อาเซียนเป็นหนึ่งในภูมิภาคที่ได้รับผลประโยชน์จากสงครามการค้าในปี 2018 โดยเฉพาะอานิสงส์ด้านการย้ายฐานการลงทุน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า อาเซียนจะได้รับผลประโยชน์อีกในรอบนี้ เนื่องจากหลายประเทศ เช่น เวียดนาม และไทยเกินดุลการค้ากับสหรัฐฯ ค่อนข้างสูง” ดร.พิมพ์นารากล่าว
โดยปัจจัยเสี่ยงสำคัญต่อแนวโน้ม (Outlook) การเติบโตทางเศรษฐกิจของอาเซียนคือ ‘การกีดกันทางการค้า’ เนื่องจากสัดส่วนการส่งออกสินค้าต่อ GDP ของประเทศต่างๆ มีค่อนข้างสูง ตัวอย่างเช่น
- สิงคโปร์ มีสัดส่วนการส่งออกสินค้าต่อ GDP อยู่ที่ 95% ในปี 2023
- เวียดนาม มีสัดส่วนการส่งออกสินค้าต่อ GDP อยู่ที่ 91% ในปี 2022
- มาเลเซีย มีสัดส่วนการส่งออกสินค้าต่อ GDP อยู่ที่ 78% ในปี 2023
- ไทย มีสัดส่วนการส่งออกสินค้าต่อ GDP อยู่ที่ 55% ในปี 2023
- กัมพูชา มีสัดส่วนการส่งออกสินค้าต่อ GDP อยู่ที่ 55% ในปี 2023
จับตา Global Minimum Tax ความท้าทายหรือโอกาสอาเซียน?
ดร.พิมพ์นารา กล่าวว่า Global Minimum Tax ซึ่งเริ่มมีการประกาศใช้ในหลายประเทศแล้ว เช่น ไทยและเวียดนาม ขณะที่อินโดนีเซียและมาเลเซียก็เตรียมจะประกาศใช้ในปีนี้ อาจลดความน่าดึงดูดของเงินลงทุนของภูมิภาคนี้ไป และอาจกระทบต่อกระแสการลงทุนจากต่างประเทศ เนื่องจากสิทธิประโยชน์จากภาษีที่หายไป
ดังนั้น ดร.พิมพ์นารา จึงแนะว่า ประเทศต่างๆ ในอาเซียนต้องเร่งสร้างความน่าดึงดูดในด้านอื่นๆ เช่นโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งด้านเทคโนโลยี การคมนาคม ขนส่ง และการเงิน นอกจากนี้อาจต้องเร่งเพิ่มพัฒนาทักษะแรงงาน เป็นต้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่นักลงทุนต่างชาติพิจารณาเป็นองค์รวม
“อาจมองได้ว่า Global Minimum Tax เป็นโอกาสที่ดีที่ประเทศต่างๆ ในอาเซียนจะได้เร่งพัฒนาความน่าดึงดูดด้านอื่นๆ ด้วย” ดร.พิมพ์นารากล่าว
ไทยจะได้รับอานิสงส์จากการเติบโตของเศรษฐกิจอาเซียนได้อย่างไร?
แม้ว่าในปี 2025 นี้ เศรษฐกิจไทย มีแนวโน้มจะเติบโตต่ำสุดในบรรดาอาเซียน-5 อีกปี อย่างไรก็ตาม ดร.พิมพ์นารากล่าวว่า การเติบโตในอัตราดังกล่าวของอาเซียนอาจเป็นปัจจัยบวกผลักดันเศรษฐกิจไทยได้ เนื่องจาก “ประเทศไทยและกลุ่มอาเซียนไม่ได้อยู่กันแบบโดดเดี่ยว แต่มีความสัมพันธ์ทางการค้ากัน นอกจากนี้ไทยยังเป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานการค้าของภูมิภาคด้วย ดังนั้นถ้าไทยเร่งกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน ก็อาจจะเป็นปัจจัยบวกให้กับเศรษฐกิจไทยได้”
เปิดแนวโน้มการเติบโตเศรษฐกิจไทย
ทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มองว่า เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโตจากปัจจัยบวก ‘ชั่วคราว’ ท่ามกลางปัญหาเชิงโครงสร้างในประเทศและกระแสโลกที่เปลี่ยนแปลง โดยคาดว่าจะขยายตัวที่ 2.7% ในปี 2025 ปรับดีขึ้นเล็กน้อยจาก 2.5% ในปี 2024
โดยแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจาก
- ภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตต่อเนื่องแม้จะยังไม่กลับสู่ระดับก่อนการระบาดของโควิด-19 โดยคาดว่าจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 38 ล้านคน เพิ่มขึ้นจาก 35.5 ล้านคนในปี 2024
- การใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้นและกลับมาเป็นปกติหลังจากมีการเบิกจ่ายล่าช้าในปีงบประมาณ 2024 ประกอบกับงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2025 ที่เพิ่มขึ้นจากปีงบฯ ก่อน 4.2% และเป็นงบขาดดุลที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.5% ของ GDP
- การลงทุนภาคเอกชนมีแนวโน้มพลิกกลับมาขยายตัวที่ 2.6% หลังจากที่หดตัว -1.6% ในปี 2024 แรงหนุนจากยอดขอรับส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ในปี 2024 ที่มีมูลค่าเงินลงทุนกว่า 1.1 ล้านล้านบาท สูงสุดในรอบ 10 ปี ส่งสัญญาณเชิงบวกต่อการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายในระยะข้างหน้า ขณะที่ปัญหาเชิงโครงสร้างในหลายอุตสาหกรรมอาจเป็นข้อจำกัดต่อการฟื้นตัวของการลงทุนภาคเอกชน
เปิดความเสี่ยง-แรงขับเคลื่อนที่มีแนวโน้มแผ่วลงในปี 2025
- การส่งออก ซึ่งคาดว่าจะขยายตัวที่ 2.7% ชะลอลงจากปี 2024
- การบริโภคภาคเอกชนมีแนวโน้มชะลอลงในปี 2025
- การเติบโตของการบริโภคภาคเอกชนยังคงถูกจำกัดเนื่องจากรายได้ที่แท้จริงของแรงงานยังฟื้นตัวช้า ประกอบกับมูลค่าสินทรัพย์ของครัวเรือนที่ลดลงในกลุ่มรายได้ปานกลางลงมา ขณะที่รายได้เกษตรกรมีแนวโน้มชะลอตัวลงจากปี 2024 ผลจากปัจจัยด้านราคาเป็นหลัก
- หนี้ครัวเรือนยังคงอยู่ในระดับสูง แม้ภาครัฐจะมีมาตรการบรรเทาภาระหนี้แก่กลุ่มเปราะบาง
หลังเจอโควิด เศรษฐกิจไทยยังไม่กลับไปสู่ระดับศักยภาพเดิม
ดร.พิมพ์นารา ทิ้งท้ายว่า “แม้ว่า ปัจจุบันภาพรวมเศรษฐกิจไทยจะกลับสู่ระดับก่อนโควิดแล้ว แต่เศรษฐกิจไทยยังไม่กลับไปสู่แนวโน้มเดิม (รูปที่) สะท้อนให้เห็นว่า ช่องว่าง (Gap) ระหว่างแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในระยะยาว ในช่วงก่อนโควิด (เส้นประสีดำ) และแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในระยะยาว รวมช่วงโควิด (เส้นประสีส้ม) กำลังกว้างขึ้นเรื่อยๆ”