วันนี้ (7 ธันวาคม) เจ้าหน้าที่กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำกำลังเข้าตรวจค้นภายในสถาบันชีววิทยาทางการแพทย์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์
เพื่อจับกุม จรรยา นักวิชาการพัสดุ ระดับซี 7 (ระดับชำนาญการในปัจจุบัน หรือเทียบเท่ากับการเป็นหัวหน้างาน) หลังได้รับการร้องเรียนว่า เจ้าหน้าที่รายดังกล่าว มีพฤติกรรมทุจริตในการปลอมแปลงเอกสารเบิกจ่ายงบประมาณจัดซื้อจัดจ้าง
ซึ่งจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ บก.ปปป. พบว่า จรรยากระทำผิดจริงตามข้อร้องเรียน และมีลูกสาวและลูกเขยร่วมกระทำผิดด้วย โดยเจ้าหน้าที่อนุมัติหมายจับจากศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 รวม 3 ราย ในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ร่วมกันซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตอันเป็นการเสียหายแก่รัฐฯ ตาม ป.อาญา ม.141 ,157
พร้อมหมายค้นพื้นที่เป้าหมาย 6 จุด ใน 4 จังหวัด ประกอบด้วย จังหวัดนนทบุรี, สมุทรปราการ, กรุงเทพฯ และพระนครศรีอยุธยา จากการตรวจค้นพบทรัพย์สินและเอกสารเบิกจ่ายปลอมจำนวนมาก
จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของจรรยา ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2566 จนถึงปัจจุบัน พบความเสียหายกว่า 4 ล้านบาท ด้านอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้สั่งตรวจสอบย้อนหลัง 3 ปี พบความเสียหายรวม 28 ล้านบาท
ภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เปิดเผยว่า ผู้ต้องหาเป็นเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในตำแหน่งดังกล่าวกว่า 30 ปี ได้มีการวางแผนนำลูกสาวเข้ามารับราชการอีกตำแหน่งหนึ่งในองค์กรเดียวกัน เพื่อรองรับการเบิกจ่าย โดยจะมีลูกเขย ตั้งบริษัทเอกชนเพื่อทำหน้าที่จัดหาวัสดุตามใบเบิกจ่าย
โดยจรรยาจะสร้างเอกสารเท็จขึ้นมา และปลอมลายมือชื่อผู้ตรวจรับพัสดุ จากนั้นจะส่งให้ไปฝ่ายที่ลูกสาวทำงานรับช่วงต่อ ซึ่งขบวนการนี้ไม่มีบุคคลอื่นในองค์กรเกี่ยวข้อง โดยทำในรูปแบบของครอบครัว ซึ่งพบว่าทำมานานกว่า 3 ปี มูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้าน แต่จากการตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย พบทรัพย์สินเป็นอสังหาริมทรัพย์รวม 11 แปลง, เงินสด 5 ล้านบาท, รถจักรยานยนต์ 1 คัน และรถยนต์ 1 คัน
ภูมิวิศาลกล่าวต่อว่า ตำรวจจะขยายผลตรวจสอบเส้นทางการเงิน และตรวจสอบการเบิกย้อนหลัง 5 ปี พร้อมทั้งขยายผลผู้ร่วมขบวนการ หากพบมีผู้กระทำความผิดจะลงโทษโดยไม่ละเว้น ซึ่งเจ้าหน้าที่คาดว่า ความเสียหายต่อรัฐฯ จากการกระทำของผู้ต้องหาทั้ง 3 คนจะสูงกว่า 40 ล้านบาท