อานนเป็นนักเรียนตัวอย่าง (Arnold Is A Model Student) ภาพยนตร์ตลกร้ายที่ตั้งคำถามกับระบบการศึกษาแบบไทยๆ ฝีมือผู้กำกับ สรยศ ประภาพันธ์ เข้าฉายแล้ววันนี้ในโรงภาพยนตร์ หลังคว้ารางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติมาแล้วหลายรางวัล
ยซซี่-สรยศ ประภาพันธ์ เป็นผู้กำกับชาวไทยที่พาผลงานภาพยนตร์สั้น เช่น รักษาดินแดน (Fat Boy Never Slim), อวสานซาวด์แมน (Death of the Sound Man), ผิดปกติใหม่ (New Abnormal) ฯลฯ เดินทางไปเยือนเทศกาลภาพยนตร์ระดับนานาชาติมาตลอดหลายปีนี้ โดย อานนเป็นนักเรียนตัวอย่าง เป็นภาพยนตร์ขนาดยาวเรื่องแรกของเขา ซึ่งใช้เวลาพัฒนาบทและหาทุนสร้างมากว่า 8 ปี
ก่อนมาฉายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย ภาพยนตร์ได้ฉายรอบปฐมทัศน์ที่เทศกาลเก่าแก่อย่าง Locarno Film Festival พร้อมกับคว้ารางวัลจากเทศกาลต่างๆ มาครอง เช่น รางวัล New Talent Award จาก Hong Kong Asian Film Festival 2022, รางวัล Asian Feature Film (Special Mention) จาก Singapore International Film Festival 2022 และรางวัล New Cinema Award จาก Berwick Film & Media Arts Festival 2023
พล็อตว่าด้วยเรื่องของ อานน (กรดนัย มาร์ค เด๊าท์เซมเบิร์ก) นักเรียนมัธยมศึกษาชั้นปีที่ 6 ที่อาจจะไม่ได้ทำตามกฎระเบียบมากนัก แต่ก็เรียนเก่งจนสามารถชนะการแข่งขันวิชาการระดับชาติ กลายเป็นความภาคภูมิใจให้โรงเรียนรีบมอบรางวัลนักเรียนตัวอย่างให้เขา
วันหนึ่งมีผู้ใหญ่จากโรงเรียนสอนพิเศษชื่อ บี (จอห์น-วิญญู วงศ์สุรวัฒน์) มาจ้างให้ร่วมธุรกิจโกงข้อสอบ ขณะเดียวกันนั้นเพื่อนในโรงเรียนของเขาก็กำลังประท้วงกฎล้าสมัยและการใช้ความรุนแรงของอาจารย์กันอย่างเข้มข้น อานนจะยอมโกงข้อสอบไหม แล้วจะนิ่งเฉยกับการเรียกร้องของเพื่อนๆ หรือไม่ หาคำตอบได้ใน อานนเป็นนักเรียนตัวอย่าง
แรงบันดาลใจมาจากเรื่องในสมัยมัธยมของผู้กำกับที่ทำให้เขาตั้งคำถามกับสิ่งที่เกิดขึ้นในรั้วโรงเรียน เมื่อมีคนมาชวนให้เพื่อนของเขาโกงข้อสอบเพื่อเข้าโรงเรียนขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่ง ผนวกกับเหตุการณ์การเคลื่อนไหวของกลุ่ม ‘นักเรียนเลว’ และหนังสือ คู่มือเอาตัวรอดในโรงเรียน ที่เริ่มจุดประกายครั้งแรกจากการชุมนุมปี 2563 เพื่อตีแผ่ปัญหาในระบบการศึกษาไทย
“การศึกษาในประเทศมันมีผลประโยชน์ทางธุรกิจซ่อนอยู่เยอะ เด็กหัวดีก็ถูกโฆษณาเป็นนักเรียนตัวอย่าง หรือหนักหน่อยก็เพื่อนที่เรียนเก่ง บางคนก็เคยพัวพันกับการโกงข้อสอบเพื่อแลกกับข้อแลกเปลี่ยนต่างๆ
“ทำไมคนที่อ้างว่ามีการศึกษาที่ดีถึงเชื่ออะไรแบบนั้น เลยนึกย้อนไปถึงสิ่งต่างๆ ที่โรงเรียนไทยในระบบเคยสอน แล้วก็ได้ข้อสรุปของตัวเองว่านอกจากวิชาการแล้ว ระบบการศึกษาไทยไม่ได้มุ่งสอนให้เด็กไทยได้คิด แต่สอนให้เด็กไทยทำตาม ไม่โต้เถียง ไม่หือไม่อือกับระบบ เช่น ไม่มีการทำวิจัยว่าการคุกเข่าจะทำให้ท่องสูตรคูณหรืออาขยานได้ดีขึ้น แต่เด็กไทยก็ถูกบังคับให้นั่งคุกเข่าอยู่ดี โตมาจนอายุ 37 ปีแล้ว น้องทุกวันนี้ก็ยังต้องทำสิ่งที่เราโตมาอยู่ดี ซึ่งเราไม่เห็นด้วย
“หนังเราไม่เท่าพลังของพวกน้องที่พูดตรงๆ แล้วโดนกำไล EM หรอก เรายังสู้พวกเขาไม่ได้ แต่ก็หวังว่าจะเป็นอะไรที่ไม่ทำให้พวกเขาผิดหวัง”
เช็กรอบฉายทั้งหมดในโรงภาพยนตร์ได้ที่: https://linktr.ee/CommonMove?fbclid=IwAR2qxxeD-886prJnHcaNXFHTSqk7Q6zph8imrZsBU6sYOPnisAFw9uAyDpc
อ้างอิง: