วันนี้ (3 กันยายน) พล.ต. สุรวิชญ์ แดงจันทร์ โฆษกกองทัพภาคที่ 1 แถลงข่าวถึงความคืบหน้าการปฏิบัติการของกองทัพในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยยืนยันว่าการดำเนินการในพื้นที่บ้านหนองจานเป็นไปอย่างรอบคอบ ไม่กระทบประชาชนชาวกัมพูชา และมุ่งมั่นที่จะนำพาประเทศให้กลับสู่กติการะหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังปกป้องภาพลักษณ์ของ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่าเป็นคนทำงานจริงจังแต่ไม่ต้องการแสง
พล.ต.สุรวิชญ์ กล่าวว่า ตามคำสั่งของ ผบ.ทบ. ได้มีการส่งกำลังเข้าพื้นที่ จังหวัดสระแก้ว เพื่อดำเนินภารกิจตามแผนจักรพงศ์ 681 โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติการกับเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และด้วยการใช้หน่วยทหารที่มีศักยภาพสูงกว่าหลายเท่า ทำให้ฝ่ายตรงข้ามยอมล่าถอยและมีการทำลายที่ตั้งทางทหาร รวมถึงวางลวดหนามในพื้นที่รุกล้ำ เพื่อป้องกันการขยายผลในเวทีโลก ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความรอบคอบในกลยุทธ์และการดำเนินการ
โฆษก ทภ.1 กล่าวอีกว่า กองทัพกำลังผลักดันให้กัมพูชาเข้าสู่กติกาและหลักสากล ซึ่งขณะนี้อีกฝ่ายเริ่มรับกติกาของเราแล้ว เพราะไม่มีทางเลือกอื่น ซึ่งสิ่งที่เราทำได้คือการใช้มาตรการทางกฎหมายและกดดันทางเศรษฐกิจต่อไป
สำหรับกรณีพื้นที่บ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว ได้มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย และมีการทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจ้ยของกัมพูชา เพื่อดำเนินการกับสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำอธิปไตยของไทย พร้อมยืนยันว่าต่อไปนี้จะไม่ยอมให้ชาวกัมพูชารุกล้ำเข้ามาอีก และเราจะไม่เป็น “พี่ใหญ่ใจดี” เหมือนที่ผ่านมา
พล.ต.สุรวิชญ์ ยืนยันว่าการปิดด่านตลอดแนวชายแดนในพื้นที่รับผิดชอบของกองทัพภาคที่ 1 เป็นการปิดแบบถาวรและสนิทตั้งแต่ก่อนหยุดยิง เพื่อใช้เป็นมาตรการกดดันกัมพูชา และพร้อมที่จะดำเนินคดีกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตผลประโยชน์ในการปิดด่านด้วย
ส่วนกรณีด่านพรมแดนบ้านคลองลึก อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว ที่มีข่าวว่าเปิดไม่สนิท พล.ต.สุรวิชญ์ ชี้แจงว่าเป็นเรื่องของ ตม. ในพื้นที่ที่มีการสื่อสารคลาดเคลื่อน ยืนยันว่าอำนาจในการเปิด-ปิดด่านเป็นของกองกำลังบูรพา ไม่ใช่ ตม. และหลังจากวันที่ 31 สิงหาคม ที่ผ่านมา ก็ไม่มีการเข้าออกแล้ว
นอกจากนี้ พล.ต.สุรวิชญ์ ยังกล่าวถึงผู้บัญชาการทหารบกว่า เป็นคนที่มีความอดทน เข้มแข็ง และสุขุมรอบคอบ และไม่ต้องการแสงหรือชื่อเสียง แต่เน้นที่ผลงาน ซึ่งวันนี้เขาได้นำผลงานของ ผบ.ทบ. มาตอบแทนให้แล้ว โดยยืนยันว่าถึงแม้การเมืองจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่กองทัพจะยังคงทำหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติอย่างเข้มแข็งต่อไป