Army of the Dead ภาพยนตร์ซอมบี้เรื่องล่าสุดของผู้กำกับ แซ็ก สไนเดอร์ นับว่าเป็นผลงานการกำกับภาพยนตร์เรื่องแรกของเขาในรอบ 10 ปี นับตั้งแต่ Sucker Punch ออกฉายในปี 2011 ที่ไม่ได้มีความเกี่ยวโยงกับภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร่ ก่อนที่เขาจะเริ่มสตาร์ทเครื่องยนตร์ให้กับจักรวาล DC อย่างเต็มตัวด้วยบุรุษเหล็กสุดดาร์ก Man of Steel ในปี 2013 ดังนั้นแล้ว Army of the Dead จึงมีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย ที่แฟนๆ ของแซ็กจะได้ชมเรื่องราว ‘บทใหม่’ ของเขาที่เราไม่ได้เห็นกันเสียนาน
และที่เราต้องใช้คำว่า ‘บทใหม่’ ก็เพราะทาง Netflix กำลังเตรียมแผนขยายจักรวาลซอมบี้ฉบับแซ็กให้แฟนๆ ได้ชมอีกอย่างน้อย 2 เรื่องด้วยกัน ได้แก่ แอนิเมชันซีรีส์ Army of the Dead: Lost Vegas และภาพยนตร์ภาคแยก Army of Thieves นี่จึงเป็นความน่าสนใจประการที่สองของ Army of the Dead ที่ถูกตั้งตนให้เป็นภาพยนตร์ ‘เปิดจักรวาลซอมบี้ฉบับแซ็ก’
ภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาสามารถควบคุมการระบาดของเชื้อไวรัสที่ทำให้คนกลายเป็นซอมบี้ได้สำเร็จ จนเหลือเพียงเมืองลาสเวกัสที่เดียวเท่านั้นที่เป็นเขตกักกันของฝูงซอมบี้
จนกระทั่งวันหนึ่ง สก็อตต์ วอร์ด (เดฟ บอติสตา) อดีตวีรบุรุษสงครามซอมบี้ชาวเวกัสที่ชีวิตพลิกผันจนต้องไปทำงานเป็นพนักงานร้านเบอร์เกอร์ ได้รับข้อเสนอจาก บลาย ทานากะ (ฮิโรยูกิ ซานาดะ) หัวหน้าบ่อนคาสิโน ให้บุกเข้าไปในเขตกักกันเพื่อฉกเงินจำนวน 200 ล้านดอลลาร์ที่เก็บอยู่ในห้องนิรภัยมาให้ได้ ก่อนที่รัฐบาลจะระเบิดเมืองในอีก 32 ชั่วโมงข้างหน้า ถ้าทำสำเร็จเขาจะได้เงินรางวัลที่สามารถพลิกชีวิตจากหน้ามือเป็นหลังมือ วอร์ดจึงต้องรวบรวมพรรคพวกและฝ่าฝูง ‘อัลฟ่าซอมบี้’ ที่ทั้งเร็วและฉลาดกว่าเดิมไปให้ได้
จุดด้อยของภาพยนตร์ที่เราไม่ค่อยชอบเป็นการส่วนตัว คือการที่แซ็กพยายามจะเล่าหลายเส้นเรื่องหลายประเด็นเกินไปสักหน่อย เช่น ปมปัญหาความสัมพันธ์ของ สก็อตต์ วอร์ด ที่ไม่ค่อยลงรอยกับ เคท (เอลลา เพอร์เนล) ผู้เป็นลูกสาว หรือปมปัญหาส่วนตัวของ ลิลลี่ (โนรา อาร์เนเซแดร์) หญิงสาวที่พาทีมของสก็อตต์ลอบเข้ามาในเขตกักกัน ฯลฯ
แม้ว่าประเด็นในแต่ละเส้นเรื่องจะมีความน่าสนใจมากๆ ในช่วงต้น แต่เมื่อภาพยนตร์ดำเนินไปเรื่อยๆ ประเด็นเหล่านั้นกลับถูกบอกเล่า ขยี้ปม และคลายปมปัญหาได้ไม่น่าสนใจเท่าไรนัก หรือในบางเส้นเรื่องก็ถูกปูทิ้งไว้จนเราลืมไปแล้วว่ายังมีเส้นเรื่องของตัวละครนี้อยู่ด้วย กาารพยายามเล่าหลายเส้นเรื่องจนเกินความจำเป็น จึงส่งผลให้ภาพยนตร์ไม่มีประเด็นที่สามารถทำให้เราจดจำได้อย่างที่ควรจะเป็น
เราจึงคิดว่าหากแซ็กลองตัดทอนบางเส้นเรื่องออกไปสักหน่อยเพื่อทุ่มเวลาให้กับเส้นเรื่อง ‘ที่ควรจะเล่าจริงๆ’ จะช่วยเสริมให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมไปกับปมปัญหาของตัวละครมากกว่านี้
ขณะเดียวกัน สิ่งที่ Army of the Dead นำเสนอได้ดีมากๆ คือฉากแอ็กชันที่โหดเลือดสาดสมการรอคอย ชนิดที่ว่าระเบิดหัวซอมบี้ใส่หน้าจอกันแบบเน้นๆ แขนหักขาขาดกันแบบจะๆ ซึ่งหัวใจสำคัญที่ส่งให้ฉากแอ็กชันโหดถึงใจผู้ชมคือเหล่า ‘อัลฟ่าซอมบี้’ ที่ถูกสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างโดดเด่น (โดยเฉพาะฉากซอมบี้วิ่งหลบกระสุนคือฉากที่ตราตรึงใจเรามากๆ) รวมถึงการออกแบบให้อัลฟ่าซอมบี้มีรูปแบบสังคมของตัวเอง มีการแต่งตั้งผู้นำ มีกฎเกณฑ์ในสังคมที่ทุกตัวต้องปฏิบัติตาม ซึ่งนับว่าเป็นไอเดียที่น่าสนใจมากๆ ในการต่อยอดสู่จักรวาลซอมบี้อย่างที่แซ็กตั้งใจ ไม่แน่เราอาจจะได้เห็นมหาสงครามระหว่างฝูงอัลฟ่าซอมบี้และมนุษยชาติในรูปแบบที่ต่างฝ่ายต่างมีกลยุทธ์ในการรบเป็นของตัวเองก็เป็นได้
อีกหนึ่งจุดเด่นที่เราค่อนข้างชื่นชอบเป็นการส่วนตัว คืองานภาพของ Army of the Dead ที่แซ็กรับหน้าที่เป็นผู้กำกับภาพด้วยตัวเอง ซึ่งอย่างที่ทุกคนเห็นจากคลิปตัวอย่างว่างานภาพส่วนใหญ่จะค่อนข้างเบลอเป็นพิเศษ เนื่องจากแซ็กได้เลือกใช้เลนส์ f/0.95 Canon Dream Lens แบบวินเทจในการถ่ายทำ ซึ่งส่งผลให้ภาพมี Depth of Field (ความชัดลึก-ชัดตื้นของภาพ) ที่ชัดตื้นมากเป็นพิเศษ และส่งผลให้ภาพมีโบเก้ที่นุ่มนวลและแสงที่มีเอกลักษณ์ เสมือนว่าเรากำลังตกอยู่ในห้วงความฝัน ซึ่งเราคิดว่ามันคือการใส่ลายเซ็นของผู้กำกับลงไปในผลงานของตัวเอง เพื่อเสริมให้ผลงานมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่มองเพียงปราดเดียวก็รู้ได้ทันทีว่านี่คืองานของแซ็ก
ในภาพรวมแล้ว Army of the Dead นับว่าเป็นการสร้างรากฐานให้แก่จักรวาลซอมบี้ฉบับแซ็กที่มั่นคงอยู่พอสมควร โดยเฉพาะความสามารถของฝูงอัลฟ่าซอมบี้ที่ถูกปูมาได้อย่างน่าสนใจ ขณะเดียวกันหากแซ็กและทีมเขียนบทสามารถแก้ไขจุดอ่อนด้านเนื้อเรื่องให้มีความเข้มข้นและน่าจดมากกว่านี้ได้ล่ะก็ เราคิดว่าจักรวาลซอมบี้ฉบับแซ็กจะเป็นอีกหนึ่งจักรวาลภาพยนตร์ที่น่าติดตามไม่แพ้จักรวาลอื่นๆ อย่างแน่นอน
รับชมตัวอย่างได้ที่นี่
พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล
อ้างอิง: