วันนี้ (5 ตุลาคม) กองบัญชาการกองทัพไทยจัดการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 1 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 โดยมี พล.อ. เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมประชุม
ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้กล่าวแสดงความยินดีกับผู้บัญชาการทหารบก ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายทหารและนายตำรวจ ที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งสำคัญ รวมทั้งผู้ที่ได้รับพระราชทานยศสูงขึ้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2564
.
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดได้มอบนโยบายแก่เหล่าทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยยึดถือกรอบแนวทางตามนโยบายของรัฐบาลและนโยบายของกระทรวงกลาโหม เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน พร้อมยึดหลัก ‘กองทัพไทยพิทักษ์ รักษา ปกป้อง เทิดทูนพระมหากษัตริย์องค์จอมทัพไทย และน้อมนำแนวทางพระราชทานมาดำเนินการให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชน’ โดยมีการดำเนินงานใน 6 ด้าน ได้แก่
- การพิทักษ์ รักษา ปกป้อง เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ ดำรงไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า ตลอดจนดำเนินการตามแนวทางพระราชทาน ‘สืบสาน รักษาต่อยอด’ ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
- การป้องกันประเทศ มีขีดความสามารถและความพร้อมในการป้องกันประเทศและรักษาผลประโยชน์ของชาติในทุกมิติ ตลอดจนการปฏิบัติการร่วมระหว่างเหล่าทัพอย่างเป็นปึกแผ่น โดยมุ่งสู่การปฏิบัติการที่ใช้เครือข่ายเป็นศูนย์กลาง
- การรักษาความมั่นคงของรัฐ สนับสนุนรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาสำคัญของชาติ รวมทั้งการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ โดยยึดมั่นในประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง โดยผนึกกำลังทุกภาคส่วนภายใต้นโยบาย ‘รวมไทยสร้างชาติ’
- การสร้างความร่วมมือด้านความมั่นคงกับมิตรประเทศ ส่งเสริมความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้าน มิตรประเทศ นานาชาติ รวมถึงองค์กรระหว่างประเทศ อย่างสมดุล ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศโดยรวม
- การพัฒนาประเทศ ป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยพิบัติ และช่วยเหลือประชาชน ในการดูแลสร้างโอกาสให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกล ยากลำบาก และทุรกันดาร ให้มีความเป็นอยู่ที่ดีอย่างพอเพียง เพื่อพัฒนาให้เป็นพลเมืองที่เข้มแข็ง มีส่วนช่วยในการพัฒนาประเทศต่อไป
- การบริหารจัดการกองทัพ ปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาด้วยความเป็นธรรม ยึดมั่นตามสายการบังคับบัญชา เพื่อความเป็นปึกแผ่นของกองทัพไทย และดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างทั่วถึงและต่อเนื่อง ใช้แนวทางการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และหลักธรรมาภิบาล ให้เป็นที่เชื่อมั่นศรัทธาของประชาชน
สำหรับการจัดส่งกำลังทหารไปปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติในสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน ถือเป็นภารกิจที่สำคัญของกองทัพไทย อันเป็นไปตามพันธกรณีที่มีต่อสหประชาชาตินั้น กองทัพไทยได้กำหนดมาตรการป้องกันและให้ความรู้แก่กำลังพลทุกนาย ให้มีความระมัดระวังในการปฏิบัติตนตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด
รวมทั้งให้เพิ่มความเข้มงวดในด้านมาตรการสุขอนามัยในการป้องกันตนเอง หากต้องปฏิบัติงานนอกค่าย เช่น ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาขณะปฏิบัติงานนอกพื้นที่ จัดระบบพื้นที่กันชนเพื่อมิให้ประชาชนเข้ามาปฏิสัมพันธ์ในพื้นที่ปฏิบัติงาน พร้อมทั้งได้จัดเตรียมอุปกรณ์ป้องกันตนเอง (Face Shield และหน้ากากอนามัย) อย่างเพียงพอ
ส่วนการส่งกำลังพลของกองทัพบกไปร่วมการประเมินผลการฝึก ณ ศูนย์การเตรียมความพร้อมร่วม (Joint Readiness Training Center: JRTC) Fort Polk รัฐลุยเซียนา สหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 3 ตุลาคม – 1 พฤศจิกายน 2563 จำนวน 189 นายนั้น เป็นไปตามพันธกรณีกับกองทัพมิตรประเทศ
ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ในการพัฒนาและยกระดับขีดความสามารถของกำลังพลเป็นรายบุคคลและเป็นหน่วย โดยมาตรการก่อนระหว่างและหลังการฝึกนั้นกองทัพไทยได้ดำเนินการอย่างรัดกุมให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนด โดยเฉพาะในเรื่องของการรักษาระยะห่างการสัมผัสระหว่างบุคคล และการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกัน
รวมถึงมาตรการเฝ้าระวังและเฝ้าสังเกตอาการระหว่างการฝึกอีกด้วย ทั้งนี้ กองทัพบกสหรัฐฯ ก็มีความตระหนักเช่นเดียวกับฝ่ายไทย โดยกำหนดให้กำลังพลสหรัฐฯ ทุกนายต้องผ่านการกักกันโรคก่อนการฝึกและผ่านการตรวจเชื้อผลเป็นลบก่อนการฝึก 72 ชั่วโมง และวางมาตรการระหว่างการฝึกที่เป็นไปตามมาตรฐานทางสาธารณสุข
ดังนั้นขอให้พี่น้องประชาชนชาวไทยมั่นใจว่า กำลังพลที่เดินทางไปร่วมปฏิบัติภารกิจทุกนายมีความพร้อมทั้งด้านสมรรถภาพร่างกายและมีมาตรฐานในการป้องกันตนเองให้ปลอดภัยจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างรอบคอบ รัดกุม เป็นไปตามมาตรฐานขององค์การสหประชาชาติและกระทรวงสาธารณสุขทุกประการ
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดมีเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในการดำรงไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า พัฒนากองบัญชาการกองทัพไทยให้มีขีดความสามารถในการปฏิบัติการร่วม 3 เหล่าทัพ เพื่อให้เป็นกองทัพชั้นนำในภูมิภาค มีนวัตกรรมทันสมัย สามารถปฏิบัติการร่วมอย่างมีประสิทธิภาพทุกมิติ อันจะนำไปสู่ความสำเร็จ เพื่อประโยชน์สุขแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างยั่งยืนต่อไป
ภาพ: ชาติกล้า สำเนียงแจ่ม
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล