วันนี้ (18 สิงหาคม) วรภพ วิริยะโรจน์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมอภิปรายในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 มาตรา 8 งบประมาณกระทรวงกลาโหม มูลค่ากว่า 1.97 แสนล้านบาท โดยเสนอตัดงบ 10% ในส่วนของเงินนอกงบประมาณที่ไม่อาจตรวจสอบได้
โดยระบุว่า เงินนอกงบประมาณของกองทัพนี้ ถ้าจะเรียกให้ถูกต้องคือเงินนอกของนอกงบประมาณ เพราะไม่อยู่ในงบการเงินของกระทรวง เป็นธุรกิจกองทัพพาณิชย์ที่ไม่มีการรายงานและการตรวจสอบใดๆ เช่น บ่อน้ำมัน, สนามกอล์ฟ, สนามม้า, สนามมวย, โรงแรม และปั๊มต่างๆ ฯลฯ ซึ่งรายได้เหล่านี้มีแต่คำอ้างว่าเอามาเป็นสวัสดิการกองทัพ แต่คำถามคือเป็นสวัสดิการของใคร? นายพล, ขุนศึก, ศักดินาหรือไม่ และไม่ใช่แค่สภาผู้แทนราษฎรเท่านั้นที่ตรวจสอบไม่ได้ แม้แต่สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ก็ตรวจสอบไม่ได้เช่นกัน และที่ตลกร้ายก็คือ ในการให้คะแนนความโปร่งใสของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ปรากฏว่า กระทรวงกลาโหมทุกหน่วยงานได้คะแนนความโปร่งใสผ่านแบบร้อยเปอร์เซ็นต์
วรภพกล่าวว่า สำหรับเงินนอกของนอกงบประมาณที่ตรวจสอบพบและมีรายงาน เช่น บ่อน้ำมัน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งกองทัพขุดกลั่นได้ 86,000 ลิตรต่อวัน ต่อให้เป็นน้ำมันเกรดไม่ดีก็จะมีรายได้ 600 ล้านบาทต่อปี, ในส่วนของสนามกอล์ฟของกองทัพบกมีจำนวน 36 แห่ง จากการเปิดเผยช่วงที่มีเหตุการณ์กราดยิงที่จังหวัดนครราชสีมา ผบ.ทบ. บอกว่าจะมีการปฏิรูปกองทัพ แต่วันนี้ 3 ปีแล้วยังไม่มีความคืบหน้า ขณะที่สนามกอล์ฟของกองทัพเรือและกองทัพอากาศยังไม่มีรายงาน
อย่างไรก็ตาม จากจำนวนที่มีนี้ก็ทำให้น่าตั้งคำถามอย่างยิ่งว่า นี่คือกระทรวงกลาโหมหรือกลุ่มทุนอสังหาริมทรัพย์ เพราะที่ที่มีอยู่อยู่ใจกลางเมืองทั้งนั้น แต่พอมาดูรายได้ที่แจ้ง สนามกอล์ฟตรงถนนรามอินทรา 500 ไร่ แจ้งรายได้เพียง 150 ล้านบาทต่อปี ซึ่งเมื่อคำนวณออกมาพบว่า สร้างรายได้เพียง 3 แสนบาทต่อไร่ต่อปีเท่านั้น น้อยมากเมื่อเทียบกับศักยภาพของที่ดิน นอกจากนี้กองทัพยังมีโรงแรม 5 แห่ง, สนามม้า 1 แห่ง, สนามมวย 1 แห่ง ซึ่งรายได้รวมๆ 300 ล้านบาทต่อปี ปั๊มน้ำมันอีกจำนวนมาก รวมถึงที่ดินราชพัสดุซึ่งทั้งประเทศมี 12 ล้านไร่ แต่อยู่ในครอบครองของกองทัพแล้วกว่าครึ่งหนึ่ง
ลองคิดง่ายๆ ว่า ถ้าให้เกษตรกรที่ขาดแคลนที่ทำกินเช่าไร่ละ 1,000 บาท ก็น่าจะมีรายได้กว่า 5,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งนี่คือมูลค่าที่จะเกิดขึ้นจากที่ดินกองทัพที่ไม่ถูกใช้ประโยชน์
“รายการเงินนอกของนอกงบประมาณเหล่านี้ ผมเชื่อว่าถ้าถูกเปิดเผยออกมา ถูกใช้จัดการอย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถตัดลบงบประมาณของกระทรวงกลาโหม และนำไปสร้างเป็นงบประมาณประชาชนได้อีกอย่างน้อย 1 หมื่นล้านบาท
“ซึ่งสิ่งที่เป็นอยู่ทำให้เกิดคำถามว่า ทำไมกองทัพกลายเป็นหน่วยงานอภิสิทธิ์พิเศษที่เอาทรัพย์สินแผ่นดินไปสร้างรายได้ให้กับเหล่านายพล, ขุนศึก, ศักดินา อย่างไม่มีการตรวจสอบ และก็อ้างแต่ว่าเป็นสวัสดิการกองทัพ และสุดท้ายสิ่งสำคัญที่สุดคือ จะยิ่งเป็นการเบี่ยงเบนภารกิจของกองทัพให้ออกจากหน้าที่ในการป้องกันประเทศ กลายเป็นว่าไปหมกมุ่นอยู่แต่กับการป้องกันกองทัพพาณิชย์ของตัวเอง ทั้งๆ ที่ไม่ใช่หน้าที่ ไม่ใช่ความถนัด
“ดังนั้นอยากให้ชี้แจงมาว่า เงินนอกของนอกงบประมาณนั้นเป็นมูลค่าเท่าไร และทำไมไม่เป็นเงินในงบประมาณประจำปี” วรภพกล่าว