×

AQUA ปรับพอร์ตธุรกิจ ขายธุรกิจสื่อนอกอาคารให้ PLANB รับเงิน 2.8 พันล้านบาท หันรุกด้านนวัตกรรม เตรียมประกาศดีลภายในกุมภาพันธ์นี้

26.01.2022
  • LOADING...
AQUA

บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น หรือ AQUA ขายสองบริษัทย่อยที่ทำธุรกิจสื่อโฆษณาภายนอกอาคารให้กับ บมจ.แพลนบี มี เดีย หรือ PLANB รับเงิน 2.8 พันล้านบาท พร้อมเจียด 600 ล้านบาท ซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ PLANB ในสัดส่วนเกือบ 2% ประกาศเดินหน้ารุกธุรกิจนวัตกรรมเติมพอร์ตลงทุน เหตุมองเป็นธุรกิจแห่งอนาคต คาดประกาศปิดดีลภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ 

 

บมจ.อควา คอร์เปอเรชั่น หรือ AQUA แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) อนุมัติให้บริษัทขายหุ้นสามัญในสองบริษัทย่อย ซึ่งประกอบธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน (Out of Home Media) ได้แก่ 

 

  1. หุ้นสามัญจำนวน 404,430,759 หุ้น ในบริษัท อควา แอด จำกัด (มหาชน) (AA) (100%) 
  2. หุ้นสามัญจำนวน 3,000,000 หุ้น ในบริษัท บอร์ดเวย์ มีเดีย จำกัด (BWM) (100%)

 

โดยขายหุ้นสองบริษัทข้างต้นให้แก่ บมจ.แพลน บี มีเดีย หรือ PLANB คิดเป็นมูลค่ารวมจำนวน 2,858.65 ล้านบาท

 

ขณะเดียวกัน บอร์ดได้อนุมติให้ AQUA เข้าซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ PLANB จำนวน 84 ล้านหุ้น ราคาหุ้นละ 7.22 บาทต่อหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท รวมเป็นเงินจำนวนไม่เกิน 606.48 ล้านบาท

 

ทั้งนี้ สองบริษัทย่อยดังกล่าวดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้าน ประกอบด้วย ป้ายนิ่ง (บิลบอร์ด) และป้ายดิจิทัล (LED) ให้บริการครอบคลุมบริเวณพื้นที่ธุรกิจสำคัญในกรุงเทพมหานครและทั่วมุมเมืองต่างๆ 

 

ฉาย บุนนาค กรรมการและรักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ AQUA กล่าวว่า สาเหตุที่ขายหุ้นสองบริษัทย่อย เนื่องจากต้องการร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมสื่อนอกบ้านให้สามารถเติบโตเต็มศักยภาพ โดยในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจสื่อนอกบ้านค่อนข้างซบเซา เพราะได้รับผลกระทบต่อการแพร่ระบาดของโควิด ทำให้การทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับก่อนหน้านี้ อุตสาหกรรมสื่อนอกบ้านมีการแข่งขันกันค่อนข้างรุนแรง ทั้งจากผู้ประกอบการในประเทศและจากต่างประเทศ ทำให้ภาพรวมอุตสาหกรรมไม่สามารถเติบโตได้เต็มที่

 

“AQUA อยู่ในอุตสาหกรรมสื่อนอกบ้านมายาวนาน เช่นเดียวกับ PLANB การได้ทำดีลครั้งนี้ก็รู้สึกยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างประโยชน์ให้กับอุตสาหกรรมม โดยจากนี้ไปเราน่าจะได้เห็นการจัดระเบียบป้ายโฆษณานอกอาคาร และช่วยสร้างทัศนียภาพที่สวยงามมากขึ้น นอกจากนี้ ยังทำให้สงครามราคาลดลงด้วย” ฉายกล่าว 

 

ภายหลังการจำหน่ายไปซึ่งธุรกิจย่อย AQUA จะมีลักษณะเป็น Holding Company ที่ประกอบไปด้วยการลงทุนใน 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า และธุรกิจสื่อนอกบ้าน ซึ่งสร้างรายได้ให้แก่ AQUA จากเงินลงทุนที่ชำระไว้

 

ซื้อหุ้นเพิ่มทุน ‘PLANB’ หวังส่วนต่างราคา

ฉายกล่าวเพิ่มว่า เงินที่ได้รับจากการขายบริษัทย่อยครั้งนี้ จำนวนประมาณ 2.8 พันล้านบาท บริษัทจะใช้เป็นเงินทุนในการซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ PLANB ในจำนวน 84 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกิน 2% ราคาหุ้นละ 7.22 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่าลงทุนราว 600 ล้านบาท และที่เหลือจะใช้สำหรับลงทุนในธุรกิจอื่นที่น่าสนใจ และสามารถต่อยอดการเติบโตให้กับบริษัทได้ 

 

“เรายังเชื่อว่ามูลค่าสินทรัพย์และมูลค่าทางการตลาดของธุรกิจสื่อนอกบ้านยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้จะขายหุ้นสองบริษัทย่อยออกไป แต่เราก็ยังเข้าถือหุ้นใน PLANB ในสัดส่วนไม่เกิน 2% ในปัจจุบัน ซึ่งในอนาคตก็มีความเป็นไปได้ที่จะเพิ่มสัดส่วน เพราะเราเชื่อว่าศักยภาพของ PLANB ยังไปได้อีกไกล ประโยชน์ที่ได้จากการถือหุ้นใน PLANB จะมาจากการได้รับเงินปันผล และกำไรจากส่วนต่างราคา แต่ในระยะ 2-3 ปีจากนี้ยังไม่มีแผนขายหุ้นอย่างแน่นอน” ฉายกล่าว

 

เตรียมลุยธุรกิจนวัตกรรมในเดือนกุมภาพันธ์

เขากล่าวเพิ่มว่า การลงทุนในธุรกิจใหม่ที่น่าจะเห็นเร็วที่สุด คือการเข้าลงทุนหรือการซื้อกิจการธุรกิจด้านนวัตกรรม ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ และน่าจะประกาศรายละเอียดต่างๆ ได้ภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ 

 

ทั้งนี้ มองว่าธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับนวัตกรรมคือธุรกิจแห่งอนาคต โดยรูปแบบการลงทุนในธุรกิจนี้มีความเป็นไปได้ที่หลากหลาย เช่น การเข้าถือหุ้นบางส่วน การเข้าถือหุ้นส่วนมาก รวมถึงการเข้าซื้อกิจการ ซึ่งต้องใช้เวลาคุยดีลระยะหนึ่งก่อนจึงจะประกาศความชัดเจนได้ นอกจากนี้ ยังมีขั้นตอนของการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจด้วย 

 

มั่นใจปีนี้กำไรดีกว่าปีก่อน 

ฉายกล่าวเพิ่มว่า แนวโน้มผลประกอบการปีนี้ กำไรสุทธิน่าจะดีกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ซึ่งเป็นผลดีต่อธุรกิจพลังงาน และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า ซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ และสร้างกำไรอย่างมีนัยสำคัญ

 

โดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า ปัจจุบันมีพื้นที่เช่ารวม 130,000 ตารางเมตร อัตราการเช่า 98% และอยู่ระหว่างการเจรจากับยูนิลีเวอร์ซึ่งเป็นผู้เช่าเดิมที่สนใจเช่าพื้นที่เพิ่ม ทั้งนี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่าสร้างกำไรเข้ามาให้กับบริษัทราว 200 ล้านบาทต่อปี

 

ส่วนธุรกิจพลังงานยังคงสร้างกำไรได้ต่อเนื่อง หลังจากโรงไฟฟ้าที่บริษัทเข้าลงทุนมีการขายไฟได้ต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นอยู่ราว 160 เมกะวัตต์ และอยู่ระหว่างการพิจารณาเข้าลงทุนเพิ่มในโครงการพลังงานลมในเวียดนามกับพันธมิตรอีก 1 โครงการ แต่ขึ้นกับการตัดสินใจลงทุนของพันธมิตร

 


 

ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH


Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP

  • LOADING...

READ MORE





Latest Stories

Close Advertising
X