ไลฟ์สไตล์คนไทยชอบกินขนมหวาน สร้างโอกาสให้ ‘เอพริล เบเกอรี่’ แบรนด์ขนมที่เติบโตมาจาก SMEs จนวันนี้ขายขนมเปี๊ยะได้กว่า 630 ล้านบาท ตั้งเป้าไปสู่ระดับพันล้านในปี 2070
เรียกว่าเป็นขนมเปี๊ยะที่เจ้าของ ‘กนกกัญจน์ มธุรพร’ ตัดสินใจลาออกจากอาชีพแอร์โฮสเตส หันมาทำธุรกิจส่วนตัว ลงทุนเปิดคาเฟ่ตามเทรนด์ที่ฮิตในเวลานั้น แต่เปิดได้แค่ปีเดียวก็ต้องปิดตัวลงเพราะรายได้ไม่เข้าเป้า จึงหันมาทำเบเกอรี่ จำหน่ายภายใต้แบรนด์เอพริล เบเกอรี่ ซึ่งตั้งจากเดือนเกิดของตัวเอง
กนกกัญจน์ มธุรพร ประธานกรรมการผู้จัดการ บริษัท สิงหาฟู้ดส์ อินดัสทรีส์ (ประเทศไทย) จำกัด เจ้าของแบรนด์เอพริล เบเกอรี่ กล่าวว่า ช่วงนั้นสินค้าหลักๆ คือขนมเปี๊ยะ วางขายผ่านร้านเบเกอรี่และร้านค้าทั่วไป ถือว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง:
หลังจากทำธุรกิจมากว่า 10 ปี ได้เพิ่มโปรดักต์มากขึ้น พร้อมขยายช่องทางจำหน่ายเข้าไปในร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น ช่วงแรกท้าทายมาก เพราะการขายไม่ได้ง่ายแบบที่คิด จึงพยายามปรับพัฒนาร่วมกับเซเว่น อีเลฟเว่น จนปัจจุบันเซเว่น อีเลฟเว่น ถือเป็นช่องทางหลักที่ทำรายได้กว่า 80% นอกนั้นจะขยายผ่านร้านเอพริล เบเกอรี่ ที่มี 40 สาขา และขายผ่านร้านกาแฟต่างๆ อีก 100 สาขา
ทั้งนี้ แต่เดิมในช่องทางเซเว่น อีเลฟเว่น จะวางขายสินค้าประมาณ 13 รายการ ขายได้ 50,000-70,000 ชิ้นต่อวัน แต่ปีที่ผ่านมา ด้วยภาวะเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยจะดีมากนัก คนใช้จ่ายน้อยลง ทำให้ยอดขายไม่ถึงเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ พอใกล้สิ้นปีจึงหันมาพัฒนาสินค้าใหม่ๆ โดยได้ปล่อยเมนูแฟชั่น ‘ดูไบช็อกโกแลต’ จำหน่ายราคา 39 บาท กระแสดีมากจนกลายเป็นไวรัลในโซเชียลมีเดียที่ผู้บริโภคพูดถึงอย่างมาก
กนกกัญจน์เล่าว่า เมื่อมีกระแสความนิยมของดูไบช็อกโกแลต ทีม R&D บริษัทซึ่งมีอยู่ 4 คนก็ได้พัฒนาสูตรดูไบช็อกโกแลตขึ้นมาทันทีโดยใช้เวลาแค่ 1 เดือน หลังจากวางจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น 2 เดือนแรก ขายได้ 70,000 ชิ้นต่อวัน แม้ออร์เดอร์ที่เซเว่น อีเลฟเว่น ต้องการคือ 100,000 แสนชิ้นต่อวัน แต่โรงงานมีกำลังการผลิตไม่เพียงพอ
ปีนี้จึงเตรียมลงทุน 1,000 ล้านบาท เพื่อใช้ซื้อเครื่องจักรและที่ดินสร้างโรงงานแห่งใหม่เพื่อรองรับกำลังการผลิตในอนาคต พร้อมลงทุน 10 ล้านบาท ซื้อพื้นที่กว่า 10 ไร่เพื่อปลูกโกโก้อินทรีย์ในอำเภอแม่ออน จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อใช้เป็นวัตถุดิบในการทำเบเกอรี่ด้วยเช่นกัน
กนกกัญจน์เล่าต่อว่า อีกหนึ่งความท้าทายของตลาดเบเกอรี่ตอนนี้คือวัตถุดิบ ยกตัวอย่าง ช็อกโกแลต ที่ราคาเพิ่มขึ้นมาถึง 400% ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น แต่ไม่สามารถขึ้นราคาขายสินค้าได้ เพราะพบว่าการทำขนมเข้าไปขายในเซเว่น อีเลฟเว่น ราคาจะต้องไม่เกิน 39 บาท เพราะถ้าเกินมา 40-42 บาท จะมีผลต่อความรู้สึกของผู้บริโภคและจะทำให้ขายยากขึ้นกว่าเดิม
อีกทั้งบริษัทยังสามารถบริหารต้นทุนด้วยการซื้อวัตถุดิบล่วงหน้าล็อตใหญ่ไว้จนถึงสิ้นปีนี้ อย่างไรก็ตาม หากแบกรับต้นทุนจนถึงที่สุดแล้วอาจจะต้องปรับลดขนาดของสินค้า ส่วนการขึ้นราคาจะเป็นทางเลือกสุดท้าย
เมื่อมาดูสินค้าขายดี 3 อันดับแรก ได้แก่ ดูไบช็อกโกแลต เค้กทุบ และขนมเปี๊ยะลาวาไข่เค็ม จากสินค้าที่มีอยู่ทั้งหมด 100 รายการ ต่อจากนี้แบรนด์จะมุ่งเดินหน้าพัฒนาสินค้าใหม่ๆ 20 รายการต่อปี โดยเฉพาะขนมเบเกอรี่แนวแฟชั่นรับเทรนด์ผู้บริโภค ควบคู่กับการใช้ช่องทางออนไลน์ในการโปรโมตสินค้า
นอกจากตลาดในประเทศแล้ว เอพริล เบเกอรี่ ยังเข้าไปรุกตลาดในประเทศกัมพูชาและเวียดนาม โดยขายผ่านรูปแบบการแต่งตั้งมาสเตอร์แฟรนไชส์ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และแผนงานต่อไปบริษัทตั้งเป้าว่าจะนำขนมไปวางขายในห้าง Costco ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งอยู่ระหว่างการพูดคุยกับพาร์ตเนอร์
พร้อมย้ำว่าปัจจุบันบริษัทยังไม่ต้องการนำบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เนื่องจากการเข้าตลาดอาจมีผลทำให้บริษัทตัดสินใจทำงานได้ช้าและไม่คล่องตัวมากนัก เพราะที่ผ่านมาเราปรับตัวเร็วมาก กระแสอะไรมาทำให้สินค้าตัวไหนไม่ดีคัดออกทันที
อย่างไรก็ตาม จากกลยุทธ์ทั้งหมดนี้จะทำให้เอพริล เบเกอรี่ สามารถสร้างยอดขายถึง 1,000 ล้านบาท ภายในปี 2570 โดยในปี 2567 มีรายได้รวมทุกช่องทางจำหน่ายอยู่ที่ 630 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 20% ซึ่งเป็นไปตามเป้าที่วางไว้