Apple เปิดผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา (กรกฎาคม-กันยายน) หรือในช่วงไตรมาส 4 ประจำปีงบการเงินของบริษัท พบว่า บริษัทมีรายได้รวม 64,698 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 2.01 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้ที่มาจากธุรกิจการจำหน่ายสินค้า 50,149 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 77.5% และรายได้จากธุรกิจในกลุ่มบริการอีก 22.5% หรือราว 14,549 ล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ รายได้ของ Apple ในช่วงไตรมาสนี้ที่มีจากสินค้าในกลุ่มบริการ และรายได้จากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ Mac ที่ 9,032 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นตัวเลขรายได้ที่สูงเป็นประวัติการณ์ของบริษัท Apple เลยก็ว่าได้
ทิม คุก กล่าวผ่านรายงานผลประกอบการบริษัทว่า “Apple สามารถปิดปีงบประมาณในฐานะ ‘ปีแห่งนวัตกรรม’ ท่ามกลางภัยพิบัติด้วยการทำสถิติใหม่สำหรับไตรมาสเดือนกันยายน และยังสามารถทำสถิติรายได้จากการจำหน่าย Mac และธุรกิจบริการได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์อีกด้วย
“ถึงแม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากโควิด-19 แต่ Apple ยังคงเดินหน้าเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่มากมายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน และเสียงตอบรับเบื้องต้นสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ของเราที่นำโดย iPhone ที่รองรับ 5G เป็นครั้งแรกก็เป็นไปในทิศทางที่ดีเป็นอย่างมาก จากการเรียนรู้ทางไกลจนถึงโฮมออฟฟิศ ผลิตภัณฑ์ของ Apple ถือเป็นช่องทางสำคัญในการติดต่อสื่อสารกับโลกสำหรับผู้ใช้ในขณะที่การระบาดใหญ่ยังคงดำเนินต่อไป และทีมงานของเราได้ตอบสนองต่อความต้องการในช่วงเวลานี้ด้วยความคิดสร้างสรรค์ ความหลงใหล และหลากหลายความคิดที่ยิ่งใหญ่ที่ Apple เท่านั้นที่ทำได้”
อย่างไรก็ดี แม้ว่า Apple จะสามารถสร้างผลงานการจำหน่ายสินค้าในกลุ่มบริการและ Mac ได้น่าประทับใจ บวกกับการเปิดตัว iPhone 12 ทั้ง 4 โมเดลที่เปิดตัวมาในช่วงเดือนตุลาคมที่สร้างกระแสความสนใจจากสื่อมวลชนทั่วโลกได้อย่างอยู่หมัด แต่ปัญหาของยอดขายสินค้าในจีนยังคงเป็นประเด็นที่ Apple ยังต้องเร่งหาวิธีแก้ไขให้ได้
โดยตลาดในประเทศจีนเป็นเพียงตลาดเดียวที่ Apple มียอดขาย ‘ตกลง’ ในสัดส่วนราว 28.6% จากเดิมที่เคยจำหน่ายสินค้าได้ที่ 11,134 ล้านดอลลาร์ ตกลงมาอยู่ที่ 7,946 ล้านดอลลาร์ ขณะที่ประเทศอื่นๆ มียอดขายเพิ่มขึ้นเฉลี่ยทุกๆ ตลาดในสัดส่วนราว 8%
เมื่อนับรวมตลอดทั้งปีงบการเงิน 2020 ของ Apple (ตุลาคม 2019 – กันยายน 2020) บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 274,515 ล้านดอลลาร์ หรือราว 8.56 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.5% จากปีก่อนหน้า ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 57,411 ล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 1.79 ล้านล้านบาท เติบโตขึ้นจากปีที่แล้ว 4%
พิสูจน์อักษร: ลักษณ์นารา พักตร์เพียงจันทร์
อ้างอิง:
