เมื่อวานนี้ (30 ต.ค.) Apple ได้จัดงานเปิดตัวสินค้าใหม่ใน 3 ไลน์ผลิตภัณฑ์ของบริษัท ประกอบไปด้วย MacBook Air, iPad Pro และ Mac โดยสาเหตุที่สองผลิตภัณฑ์แรกเป็นที่พูดถึงมาก เนื่องจากถือเป็นการยกเครื่องเปลี่ยนทั้งดีไซน์ภายนอกและฟีเจอร์ภายในให้ต่างไปจากรุ่นก่อนๆ เยอะพอสมควร เรียกความสนใจจากสาวก Apple ได้ไม่น้อย
สำหรับ MacBook Air รุ่นใหม่ครบรอบ 10 ปี (เปิดตัวครั้งแรกปี 2008) มาพร้อมจอเรตินาขนาด 13.3 นิ้ว และ Touch ID บน Touch ID Sensor เหมือนที่ใช้บน MacBook Pro (แต่ไม่มี Touch Bar) ใช้ชิป Dual-core 8th-Generation Intel Core i5 ประมวลผล เสริมด้วยพอร์ต Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต ใช้งานได้ต่อเนื่อง 12 ชั่วโมง วัสดุตัวเครื่องผลิตจากอะลูมิเนียมรีไซเคิล 100% มีน้ำหนักเพียง 1.25 กิโลกรัม พร้อมสีให้เลือก 3 สีคือ ทอง, เทาสเปซเกรย์ และเงิน สนนราคาเริ่มต้นที่ 42,900 บาท
อีกหนึ่งไฮไลต์ของงานคือการเปิดตัว iPad Pro (2018) ที่ถูกยกเครื่องออกแบบตัวเครื่องใหม่หมด ตัดปุ่ม Home ออกไป แล้วนำระบบการปลดล็อกด้วยใบหน้าหรือ Face ID เข้ามาใช้งานแทน ทำให้จอภาพแบบ Liquid Retina ขนาด 11 นิ้วและ 12.9 นิ้วขยายได้สุดขอบโดยไม่มีปุ่ม Home มากวนสายตาให้รำคาญใจ แล้วตัวเครื่องก็ยังบางที่สุดในตระกูล iPad อีกด้วย
iPad Pro (2018) ใช้ชิป A12X Bionic ประมวลผล ทำงานคู่กับ Apple Pencil Gen 2 ที่มีแม่เหล็กติดเข้ากับตัวเครื่องเพื่อใช้งานระบบชาร์จไร้สายได้ สนนราคาตัวเครื่องเริ่มต้นที่ 28,900 บาท (รุ่น Wi-Fi และไม่รวมปากกา)
พร้อมกันนี้ Apple ยังได้เปิดตัว Mac mini ที่ใช้ชิป Quad-core และ 6-Core ในการประมวลผลเพื่อความรวดเร็วในการทำงาน (เคลมว่าเร็วกว่ารุ่นเดิม 5 เท่า) โดยสินค้าทั้งหมดจะเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ (ในไทยยังไม่มีกำหนดวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ)
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์
อ้างอิง: