วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2018 บริษัท Apple เปิดเผยผลรายงานการเงินประจำไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2018 (ตุลาคม-ธันวาคม 2017) อยู่ที่ 88,300 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วและนับเป็นสถิติใหม่ของบริษัท คิดเป็นกำไรถึง 20 ล้านเหรียญสหรัฐ สร้างสถิติใหม่เช่นกัน ส่วนยอดผู้ใช้อุปกรณ์ในเดือนมกราคมอยู่ที่ 1.3 พันล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นกว่า 30% ในระยะเวลาเพียง 2 ปี
ด้านรายได้สุทธิประจำไตรมาสอยู่ที่ 3.89 เหรียญสหรัฐต่อหุ้นปรับลด เพิ่มขึ้น 16% และนับเป็นสถิติใหม่เช่นกัน โดยยอดขายในต่างประเทศถือเป็น 65% ของรายได้ประจำไตรมาส
ทิม คุก (Tim Cook) ซีอีโอ Apple กล่าวว่า “เรายินดีที่จะรายงานผลประกอบการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Apple ด้วยการเติบโตในทุกด้าน รวมถึงรายได้สูงสุดเท่าที่เคยมีมาจากผลิตภัณฑ์ iPhone X ที่ทำผลงานได้เหนือความคาดหมายและเป็น ‘ผลิตภัณฑ์ที่ขายดีที่สุดทุกสัปดาห์’ นับตั้งแต่เริ่มวางจำหน่ายในเดือนพฤศจิกายน
“นอกจากนี้เรายังประสบความสำเร็จด้วยจำนวนอุปกรณ์ที่กำลังถูกใช้งานแตะหลัก 1.3 พันล้านเครื่องในเดือนมกราคม เพิ่มขึ้น 30% ในเวลาเพียง 2 ปี เป็นข้อพิสูจน์ถึงความนิยมในผลิตภัณฑ์ของเรา ความภักดีและความพึงพอใจในการใช้งานของลูกค้า”
ลูคา แมสตรี (Luca Maestri) ประธานฝ่ายการเงินบอกว่า “เราสร้างสถิติใหม่ของผลกำไรประจำไตรมาส ด้วยรายได้ต่อหุ้นเพิ่มขึ้น 16% นอกจากนี้เรายังมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งที่ 28,300 ล้านเหรียญสหรัฐ และได้จ่ายคืนเงินลงทุนให้แก่นักลงทุนไปแล้ว 14,500 ล้านเหรียญสหรัฐภายใต้โครงการคืนเงินลงทุน”
Apple ยังได้ประเมินผลประกอบการประจำไตรมาส 2 ของปีงบประมาณ 2018 (มกราคม-มีนาคม) ไว้ว่า รายได้โดยรวมจะอยู่ที่ระหว่าง 60,000-62,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะมีกำไรขั้นต้นอยู่ระหว่าง 38% ถึง 38.5%
สถิติยอดขาย iPhone ของ Apple ทั่วโลกตั้งแต่ปี 2007-2017 (หน่วยนับเป็นหลักล้าน)
อย่างไรก็ดี CNN มองว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นของ Apple ไม่ได้มาจากยอดขายโทรศัพท์ที่ถล่มทลาย เพราะ Apple จำหน่ายโทรศัพท์ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2017 ได้รวมทั้งหมด 77.3 ล้านเครื่อง ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว 1% แต่รายได้เป็นประวัติการณ์เป็นผลมาจากราคาจำหน่ายของ iPhone X ที่สูงกว่า 999 เหรียญสหรัฐ
อ้างอิง: