Apple Inc. และ Amazon.com Inc. สูญเสียมูลค่าตลาดรวมกันกว่า 1.6 แสนล้านดอลลาร์ (5.3 ล้านล้านบาท) หลังจากที่ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีทั้งสองรายงานผลประกอบการที่มีผลงานออกมาไม่ดีมากนัก และนักลงทุนต่างๆ คาดว่าช่วงวันหยุดยาวของสหรัฐฯ ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนมกราคมปีหน้า ซึ่งปกติแล้วเป็นช่วงที่สร้างรายได้ได้อย่างมหาศาล แต่ในปีนี้จะไม่ได้ช่วยเพิ่มยอดขายได้มากนัก
มูลค่าตลาดของ Apple ลดลง 3.5% หายไปเป็นมูลค่าประมาณ 1.06 แสนล้านดอลลาร์ (3.5 ล้านล้านบาท) หลังจากที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ทิม คุก กล่าวว่าในปัจจุบันมีปัญหาการขาดแคลนซัพพลาย ที่ส่งผลกระทบต่อแทบทุกผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของบริษัท
ในส่วนของ Amazon มูลค่าตลาดร่วงลง 3.4% หายไปเป็นมูลค่าประมาณ 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์ (1.9 ล้านล้านบาท) หลังจากออกมากล่าวว่าต้นทุนที่สูงขึ้นของบริษัท อาจทำให้กำไรจากไตรมาสนี้หายไปได้ ซึ่งถือเป็นไตรมาสที่สำคัญที่สุดของปี
มูลค่าตลาดของ Apple และ Amazon ที่หายไปรวมกันมากกว่า 5.3 ล้านล้านบาท ซึ่งการร่วงลงของทั้ง 2 บริษัทนั้นเพียงพอสำหรับ Microsoft ที่จะทวงคืนตำแหน่งบริษัทจดทะเบียนที่มีมูลค่าตลาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ในตอนนี้มีการดีเบตกันว่าจะซื้อหุ้นเทคโนโลยีดีหรือไม่ หลังจากทำสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ในช่วงการระบาดใหญ่ไปแล้ว และกำลังจะเข้าสู่ฤดูกาลที่จะทำรายได้ให้กับบริษัทเทคฯ เหล่านี้ รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่สูงขึ้น ทำให้นักลงทุนต่างๆ อาจย้ายเงินจากหุ้นเทคฯ มาลงทุนในพันธบัตรแทน และกองทุนเฮดจ์ฟันด์บางกองก็มีความคิดเห็นเชิงลบต่อกลุ่มภาคเทคฯ นี้ ซึ่งจะเห็นได้จากการขายชอร์ตที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดในหุ้นเทคฯ ปีนี้ ตามรายงานจากบริษัทการเงินระดับโลกอย่าง Morgan Stanley
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ก็ยังสนับสนุนให้ซื้อหุ้นเทคฯ นี้อยู่ดี โดยกล่าวว่า “ปัญหาต่างๆ ดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น” อมิต ดารยานานี จาก Evercore ISI กล่าวถึงประเด็นของ Apple ที่มีปัญหาขาดแคลนชิป แต่ก็ยังมีผลประกอบการออกมาได้ดีอยู่
นอกจากหุ้นที่ร่วงลงอย่าง Apple และ Amazon ในภาคเทคฯ ก็ยังมีหุ้นที่ปรับตัวสูงขึ้นอยู่อย่าง Alphabet Inc. และ Microsoft Corp. โดยในช่วงวันที่ 25-29 ตุลาคมที่ผ่านมา หุ้นของ Alphabet Inc. และ Microsoft Corp. ทั้งคู่ปรับตัวขึ้นมากกว่า 7% หลังจากผลประกอบการออกมาดีเกินคาด
“สำหรับ Amazon เอง ผลกระทบของเงินเฟ้อที่ส่งผลต่อต้นทุนต่างๆ และการขาดแคลนซัพพลาย อาจกระทบต่อคู่แข่งรายย่อยอื่นๆ ด้วย ซึ่งอาจเป็นโอกาสของ Amazon ในการแย่งส่วนแบ่งการตลาดกลับมา” ไบรอัน โนวัค จาก Morgan Stanley กล่าว
“Amazon ดูมั่นใจมากเกี่ยวกับความสามารถในการผลิต และข้อได้เปรียบทางซัพพลายเชนของบริษัท ที่จะสามารถสร้างรายได้ในช่วงวันหยุดยาวได้” รอสส์ แซนด์เลอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Barclays Plc กล่าว
อ้างอิง:
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP