ปฎิเสธไม่ได้ว่าวิกฤตโควิดได้สร้างทั้งบททดสอบและบทเรียนหลายๆ เรื่องให้กับพวกเรา ซึ่งวันนี้พวกเราทุกคนต่างยังคงต้องวนเวียนอยู่กับสภาวะความปั่นป่วนจากวิกฤตที่เปลี่ยนแปลงโลกครั้งใหญ่นี้
ไม่ว่าจะเป็นความผันผวนทางภาคเศรษฐกิจ การเปลี่ยนแปลงทางสังคม ตลอดจนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตที่ต่างไปจากเดิม และจะไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิม
พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนเร็วขึ้น
โดยสิ่งที่น่าจับตามากที่สุดคือ ‘พฤติกรรมของผู้บริโภค’ ซึ่งจากเดิมก็มีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วอยู่แล้ว แต่การมาถึงของวิกฤตโควิดได้เร่งพฤติกรรมให้เปลี่ยนแปลงเร็วมากขึ้นไปอีก
หนึ่งในตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือการเติบโตของการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์หรืออีคอมเมิร์ซ โดยข้อมูลของ Priceza ระบุว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซไทยปี 2563 เติบโตแรงด้วยตัวเลขกว่า 81% โดยมีมูลค่า 2.94 แสนล้านบาท สูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ที่ 2.2 ล้านบาท ซึ่งปี 2564 อาจมีมูลค่าสูงถึง 4 แสนล้านบาท โดยมีสาเหตุสำคัญมาจากการที่คนไทยเริ่มคุ้นชินกับการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ไปแล้ว
ขณะที่ข้อมูลจาก Kantar บริษัทวิจัยด้านข้อมูลเชิงลึกและที่ปรึกษาทางการตลาด เปิดเผยว่า แม้ตลาด FMCG (สินค้าอุปโภคบริโภค) จะเติบโตเพียง 2% สอดคล้องกับตลาดเอเชียที่โต 3% ขณะที่ Global โต 10% โดยโดดเด่นที่สุดคือตลาดอเมริกาที่โตแตะ 14% แต่ที่น่าสนใจคือ แม้ว่าอัตราการเติบโตของไทยเพียง 2% จะดูต่ำ แต่เป็นอัตราการเติบโตที่สูงสุดในรอบ 5 ปี
Kantar ยังได้สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงมากมายในพฤติกรรมของผู้บริโภค ทั้งการไปจับจ่ายร้านค้าแบบออฟไลน์ที่ลดลง แต่ใช้จ่ายมากขึ้นในการจับจ่ายแต่ละครั้ง ผู้บริโภคจับจ่ายเพิ่มขึ้นใน ‘ร้านโชห่วย (PVS) และอีคอมเมิร์ซ
ทาง Kantar ยังได้คาดการณ์ว่าการบริโภคในบ้านจะยังคงเติบโตในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้า เนื่องจากผู้คนยังคงใช้เวลาอยู่ที่บ้านมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา
‘เทรนด์ติดบ้าน’ เทรนด์ที่เกิดจากสถานการณ์โควิด
การที่ผู้คนใชัชีวิตอยู่ในบ้านมากขึ้นได้ก่อให้เกิดเทรนด์การใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Homebody หรือเทรนด์ติดบ้าน อันเป็นผลมาจากการที่ผู้คนต่างทำกิจกรรมต่างๆ ภายในบ้าน ไม่ว่าจะเรียน ทำงาน ออกกำลังกาย หรือทํางานอดิเรก
พฤติกรรมที่เกิดขึ้นทำให้สมาชิกในครอบครัวต่างคุ้นชินกับการทำทุกกิจกรรมในบ้าน ที่ไม่ใช่เพียงการติดตั้งอุปกรณ์ แบ่งโต๊ะทำงาน หรือแบ่งโต๊ะเรียนออนไลน์ที่บ้าน แต่คือการให้ความสำคัญกับการแยกพื้นที่ส่วนตัวและส่วนรวมออกจากกันอย่างชัดเจน ห้องที่เป็นสัดส่วน หน้าต่างที่เปิดรับแสงธรรมชาติ หรือระเบียงที่เป็นมุมพักผ่อน ปลูกต้นไม้ เป็นโลกส่วนตัวที่ตอบโจทย์กิจกรรมของสมาชิกในบ้านได้จริง
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ Generation ที่เปลี่ยนไปก็มีผลต่อความต้องการเรื่องพื้นที่บ้านที่เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน สำหรับผู้คนใน Gen ก่อน การซื้อบ้านเดี่ยวจะเน้นความหรูหรา อลังการ เพราะเป็นการสะท้อนสถานะและความสำเร็จของตัวบุคคล
แต่วันนี้เราอยู่ในยุคที่คนมองหาความ Functional บนความลักชัวรี คนซื้อบ้านวันนี้เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มองหาความพอดีที่ดีที่สุด และมีความต้องการชัดว่าอยากได้อะไร ในราคาเท่าไร
จุดนี้เองจึงความท้าทายของ ‘บ้าน’ ที่ต้องตอบสนองต่อความต้องการของผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าความต้องการจะเปลี่ยนไปแค่ไหนก็ตาม
เอพี (ไทยแลนด์) ไม่หยุดที่จะพัฒนาเพื่อผู้บริโภค
อย่างไรก็ตามถึงจะมีความต้องการที่เปลี่ยนไปมากแค่ไหนก็ตาม แต่สำหรับ ‘เอพี (ไทยแลนด์)’ แล้ว การออกแบบบ้านเดี่ยวก็ยังยืนอยู่บนแนวคิดของการเป็น Space Thinker ที่ชูจุดเด่นเรื่องของ Functional Space คือพื้นที่ที่ใช้งานได้จริง ซึ่งเป็น Design Core Value บ้านเดี่ยวของเอพีตลอดมา
แม้แนวคิดเรื่อง Private Space จะเป็นหัวใจที่เอพียึดถือตลอดมา แต่เมื่อความต้องการของผู้บริโภคเปลี่ยนไป โดยมีแรงกระตุ้นจากโรคโควิดทำให้เอพีตีโจทย์จาก Private Space ของทุกคนในบ้าน ที่ต้องไม่ไช่แค่ห้องนอนส่วนตัวเท่านั้น ทำให้เอพีคิดเรื่องการมี Living Space ในทุกๆ ส่วนของบ้าน และที่สำคัญต้องเป็นบ้านที่มีราคาที่ผู้บริโภคจับต้องได้ด้วย
โดยสิ่งที่เอพีได้สร้าง ‘โมเดลบ้านที่ดีที่สุด’ ที่คิดจากอินไซต์จริงเพื่อให้สอดรับกับความต้องการของผู้อาศัย ไม่ว่าจะเป็นแปลนบ้านหน้ากว้างที่สามารถเพิ่มมุม Work from Home หรือเรียนออนไลน์พร้อมรับแสงธรรมชาติ
การออกแบบห้องนอนพร้อมระเบียงที่กว้าง เพิ่มมุมพักผ่อนปลูกต้นไม้ใหญ่ได้จริง หรือพื้นที่สวนข้างบ้านขนาดพอดีสำหรับทำสวน พร้อมบ้านหลังเล็กสำหรับสัตว์เลี้ยงของครอบครัว
นอกจากนี้เอพียังได้ผสานเทคโนโลยีเข้ากับการออกแบบพื้นที่ส่วนตัวและพื้นที่ส่วนรวมภายในบ้านหนึ่งหลัง ที่มีรายละเอียดการออกแบบที่ตอบโจทย์ความปลอดภัย ความสะดวกสบาย ตลอดจนฟังก์ชันส่วนกลาง พื้นที่สีเขียวในโครงการ และสังคมที่ดีในภาพใหญ่ของคอมมูนิตี้บ้านเดี่ยวเอพีให้เกิดขึ้นไปในขณะเดียวกัน
ทำให้ไม่ว่าจะเป็นแบรนด์ใดในเครือบ้านเดี่ยวเอพี ทั้งแบรนด์ Centro, The City, The Palazzo และ Baan Klang Krung รวม 40 โครงการทั่วกรุงเทพฯ ก็สามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับสเปซฟังก์ชันที่มากกว่า ตอบโจทย์การใช้งานร่วมกัน รวมถึงความอบอุ่นและความสัมพันธ์ในครอบครัว
ทั้งหมดนี้ได้เข้ามาตอกย้ำคำว่า ‘บ้านที่เป็นมากกว่าบ้าน’ ของเอพีได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
พิสูจน์อักษร: ชนเนตร ลอยครุฑ
อ้างอิง:
