บมจ.ท่าอากาศยานไทย หรือ AOT รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/65 (สิ้นสุดเดือนธันวาคม 2564) มีผลขาดทุนสุทธิ 4,271 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% จากงวดปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นจากกรณีศาลปกครองสั่งชำระเงินให้ผู้ฟ้องคดีข้อพิพาทสัญญาจ้างบริหารและจัดการด้านขนส่งสินค้าภายในดิวตี้ฟรี สนามบินสุวรรณภูมิ กว่า 990 ล้านบาท ฉุดงบ แม้ว่ารายได้รวมไตรมาสนี้จะเพิ่มขึ้น 5.30% แตะ 2,885 ล้านบาท
บมจ.ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) หรือ AOT รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/65 (วันที่ 1 ตุลาคม – 31 ธันวาคม 2564) มีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 4,271.66 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงานลดลง 829.68 ล้านบาทเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีผลขาดทุนสุทธิจำนวน 3,441.98 ล้านบาท ในขณะที่รายได้รวมงวดไตรมาส 1/65 อยู่ที่ 2,885.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 145.24 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวมอยู่ที่ 7,540.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,152.62 ล้านบาท และรายได้ภาษีเงินได้อยู่ที่ 1,090.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 145.83 ล้านบาท สอดคลองกับผลการดำเนินงานที่ลดลง
ด้านค่าใช้จ่ายรวมสำหรับไตรมาส 1/65 อยู่ที่ 7,540.15 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,152.62 ล้านบาท หรือ 18.04% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน หลักๆ มาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายอื่นจำนวน 990.30 ล้านบาท สาเหตุหลักเกิดจากค่าใช้จ่ายประมาณการหนี้สินคดีความ เนื่องจากศาลปกครองกลางพิพากษาให้ AOT ชำระเงินให้แก่ผู้ฟ้องคดีในประเด็นขอพิพาทสัญญาจ้างบริหารและจัดการด้านขนส่งสินค้าภายในเขตปลอดอากร ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นจำนวน 142.06 ล้านบาท
ภาพรวมของผลการดำเนินงานด้านปริมาณการจราจรทางอากาศในไตรมาส 1/65 ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผานมา เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดที่ยังคงเกิดขึ้นทั้งในและต่างประเทศ แม้ในไตรมาสนี้ประเทศไทยจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อลดลง รวมทั้งได้เปิดประเทศเพื่อรับนักท่องเที่ยวเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2564 แล้วก็ตาม
โดยในช่วงไตรมาส 1/65 ปริมาณการจราจรทางอากาศของท่าอากาศยานทั้ง 6 แห่งของ AOT มีจำนวนเที่ยวบินรวม 73,342 เที่ยวบิน ลดลง 29.71% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ 23,316 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ 50,026 เที่ยวบิน
ส่วนจำนวนผู้โดยสารรวมมีทั้งหมด 6.91 ล้านคน ลดลง 35.56% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ 0.86 ล้านคน และผู้โดยสารภายในประเทศ 6.05 ล้านคน โดยการลดลงส่วนใหญ่มาจากเที่ยวบินและผู้โดยสารภายในประเทศ
จากปริมาณเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารที่ยังไม่กลับมาสู่ภาวะปกติ จึงเป็นสาเหตุส่วนหนึ่งที่ทำให้แผนการเปิดใช้งานอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิต้องเลื่อนออกไป อย่างไรก็ตาม AOT ได้เตรียมความพร้อมและปรับแผนการเปิดใช้งานอาคาร SAT-1 ให้เร็วขึ้น ในกรณีที่มีแนวโน้มว่าปริมาณเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสารจะกลับมาเพิ่มมากขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้ ต้องวิเคราะห์ความคุ้มค่าในการดำเนินการดังกล่าว
