เกิดอะไรขึ้น:
SCBS ได้จัดทำบทวิเคราะห์พรีวิวผลประกอบการ 3QFY65 ของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ซึ่งคาดว่าจะรายงานผลประกอบการวันที่ 11 สิงหาคม 2565
กระทบอย่างไร:
ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้น AOT ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.70%MoM สู่ระดับ 71.75 บาท ขณะที่ SET Index ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.48%MoM สู่ระดับ 1,601.09 จุด
พรีวิวผลประกอบการ 3QFY65:
SCBS คาดว่า AOT จะรายงานขาดทุนสุทธิ 2.4 พันล้านบาท ใน 3QFY65 (เมษายน-มิถุนายน 2565) ปรับตัวดีขึ้นจากขาดทุนสุทธิ 4.1 พันล้านบาท ใน 3QFY64 และ 3.3 พันล้านบาท ใน 2QFY65
ปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญคือ รายได้รวมที่เพิ่มขึ้นสู่ 4.6 พันล้านบาท (เพิ่มขึ้น 175%YoY และ 52%QoQ) โดยได้แรงหนุนส่วนใหญ่จากรายได้ค่าบริการผู้โดยสาร (37% ของรายได้) และรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์ (23% ของรายได้) ที่เพิ่มขึ้น
เนื่องจากประเทศไทยกลับมาเปิดประเทศแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งพรีวิวผลประกอบการที่จัดทำขึ้นบ่งชี้ว่า AOT จะมีขาดทุนปกติ (ไม่รวมรายการพิเศษ) จำนวน 9.1 พันล้านบาท ใน 9MFY65 (ตุลาคม 2564 – มิถุนายน 2565) ลดลงจาก 1.11 หมื่นล้านบาท ใน 9MFY64
สำหรับจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศเร่งตัวขึ้นใน 3QFY65 โดย AOT รายงานจำนวนผู้โดยสารรวม 13.5 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 51%QoQ, 40% ของระดับก่อนเกิดโควิด) ซึ่งประกอบด้วยผู้โดยสารภายในประเทศ 9.4 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 27%QoQ, 69% ของระดับก่อนเกิดโควิด) และผู้โดยสารระหว่างประเทศ 4.1 ล้านคน (เพิ่มขึ้น 167%QoQ, 21% ของระดับก่อนเกิดโควิด) โดยได้แรงหนุนจากการผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางของประเทศไทย
ซึ่งโมเมนตัมที่แข็งแกร่งยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง โดย AOT มีผู้โดยสารระหว่างประเทศราว 2.3 ล้านคนในเดือนกรกฎาคม (เพิ่มขึ้น 32%MoM, 35% ของระดับก่อนเกิดโควิด) หลังจากประเทศไทยกลับมาเปิดประเทศเต็มรูปแบบตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 ด้วยการยกเลิกข้อจำกัดการเดินทางทั้งหมด ซึ่งรวมถึงระบบ Thailand Pass และการประกันโควิด
ทั้งนี้ สายการบินต่างๆ กำลังเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศ เช่น ไทยแอร์เอเชียวางแผนเพิ่มจำนวนเที่ยวบินระหว่างประเทศจาก 9% ของระดับก่อนเกิดโควิดใน 2Q65 สู่ 30% ใน 3Q65 และ 55% ใน 4Q65
แนวโน้มผลประกอบการปี FY2566:
จำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลทำให้ขาดทุนปกติของ AOT ปรับตัวลดลง YoY และ QoQ ใน 3Q-4QFY65 โดย SCBS ยังคงประมาณการผลขาดทุนปกติของ AOT ว่าจะลดลงจาก 1.53 หมื่นล้านบาท ใน FY2564 สู่ 1.0 หมื่นล้านบาท ในปี FY2565 และจะพลิกกลับมามีกำไรปกติที่ 1.38 หมื่นล้านบาท ในปี FY2566
โดยอิงกับสมมติฐานว่าจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศจะเพิ่มขึ้นจาก 0.95 ล้านคนในปี FY2564 สู่ 9 ล้านคนในปี FY2565 จากนั้นจะเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดสู่ 50 ล้านคนในปี FY2566 และฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนเกิดโควิดในปี FY2568 ประกอบกับมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการเชิงพาณิชย์ (เช่น ยกเว้นการเรียกเก็บค่าผลประโยชน์ตอบแทนขั้นต่ำ) และผู้ประกอบการสายการบิน (เช่น ลดค่าธรรมเนียมขึ้น-ลง และจอดอากาศยาน) จะสิ้นสุดในวันที่ 31 มีนาคม 2566
อย่างไรก็ดี SCBS ให้เรตติ้ง OUTPERFORM สำหรับ AOT ด้วยราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 75 บาทต่อหุ้น และยังเลือก AOT เป็นหุ้นเด่นในกลุ่มท่องเที่ยว
สำหรับ Upside และปัจจัยเสี่ยง Upside คือจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง และโครงการพื้นที่เชิงพาณิชย์ใหม่ (โครงการ Airport City) ซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนา ปัจจัยเสี่ยงคือเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เช่น โรคระบาดใหญ่ และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งจะทำให้ความต้องการเดินทางลดลง และนักท่องเที่ยวจากจีนฟื้นตัวช้า
ช่องทางติดตาม THE STANDARD WEALTH
Twitter: twitter.com/standard_wealth
Instagram: instagram.com/thestandardwealth
Official Line: https://lin.ee/xfPbXUP