วันนี้ (26 ตุลาคม) การประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 47 เปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการที่ศูนย์การประชุมกัวลาลัมเปอร์ในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยช่วงเช้า อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้ยืนต้อนรับบรรดาผู้นำที่ทยอยเดินทางมาศูนย์ประชุม โดย อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีของไทย เดินทางถึงเมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น (07.00 น. ตามเวลาไทย) เพื่อร่วมพิธีเปิด ซึ่งมีผู้นำบราซิล แคนาดา และแอฟริกาใต้ ร่วมงานด้วย
ในการกล่าวเปิดงานอันวาร์ระบุว่า เมื่อตอนที่มาเลเซียรับตำแหน่งประธานอาเซียนปีนี้นั้นได้ตระหนักถึงภารกิจอันยิ่งใหญ่ เพราะ ‘ภาวะผู้นำ’ เป็นเรื่องของการเลือก การลำดับความสำคัญ และการวางแนวทางที่สอดคล้องตามความคาดหวังของประชาชน ซึ่งโจทย์สำคัญคือการฟื้นความหมายของอาเซียน
อันวาร์กล่าวว่า ปี 2025 ถือเป็นปีที่ท้าทายของอาเซียนมากกว่าที่เคย เพราะโลกกำลังไร้เสถียรภาพ ระเบียบเก่าเกิดความไม่แน่นอน ขณะที่ระเบียบใหม่ก็ยังไม่ชัดเจน อาเซียนเห็นการแข่งขันและความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้นในหลายภูมิภาค กระแสเหล่านี้ได้ทดสอบทั้งเศรษฐกิจและความแน่วแน่ของอาเซียนในการรักษาความเชื่อมั่นในความร่วมมือระหว่างกัน
มีช่วงหนึ่งอันวาร์ได้กล่าวขอบคุณไทยและกัมพูชาที่เตรียมจะลงนามในเอกสารถ้อยแถลงผลการหารือระหว่างนายกรัฐมนตรีไทยและกัมพูชาฯ ในช่วงเวลาเที่ยงวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมชี้ว่า ‘การปรองดอง’ ไม่ใช่การยอมจำนน แต่คือการแสดง ‘ความกล้าหาญ’ และเมื่อเลือก ‘สันติภาพ’ แล้ว ย่อมสามารถเปลี่ยนโฉมอนาคตของประเทศได้
นอกจากนี้อันวาร์ยังเน้นย้ำความสำคัญของวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2045 ที่รับรองที่มาเลเซียเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยวิสัยทัศน์นี้เรียกร้องให้อาเซียนเสริมสร้างความเป็นเอกภาพและบทบาทความเป็นแกนกลางของตน
ขณะเดียวกันอันวาร์ยังแสดงจุดยืนเกี่ยวกับการยึดหลักฉันทมติ 5 ข้อของอาเซียนในการสร้างสันติภาพในเมียนมา เพื่อลดความรุนแรงและบรรเทาวิกฤตด้านมนุษยธรรม พร้อมย้ำว่า การจะทำให้เกิดสันติภาพได้นั้น เมียนมาต้องแก้ไขภายในประเทศเอง จึงจะเกิดความปรองดองที่ยั่งยืนได้
นอกจากนี้อันวาร์ยังชี้ให้เห็นความสำคัญของการประชุมสุดยอดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งการประชุมสุดยอดอาเซียน-คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) รวมถึงกรอบการประชุม RCEP ครั้งที่ 5 เพื่อขับเคลื่อนเขตการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลกให้บรรลุศักยภาพสูงสุด
พร้อมกันนี้ยังมีการกล่าวต้อนรับผู้นำบราซิลและแอฟริกาใต้ในฐานะแขกของประธาน โดยทั้งสองมีกำหนดเข้าร่วมการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการขยายความร่วมมือของอาเซียนกับกลุ่ม BRICS และ G20 ซึ่งตอกย้ำการแสวงหาโอกาสในตลาดประเทศคู่ค้าใหม่ๆ และการเป็นสะพานเชื่อมโยงสู่โลกใต้ (Global South)
หลังกล่าวจบ ผู้นำอาเซียนทั้ง 10 ประเทศได้ร่วมพิธีลงนามปฏิญญาการเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนของติมอร์-เลสเตอย่างเป็นทางการ ถือเป็นสมาชิกลำดับที่ 11 ของอาเซียน หลังมีพิธีมอบภาคยานุวัติสารเข้าเป็นภาคีกฎบัตรอาเซียนไปก่อนหน้านี้ ซึ่งตอกย้ำความมุ่งมั่นในการเสริมสร้างของเข้มแข็งของประชาคมเพื่อรับมือกับความท้าทายต่างๆ ในอนาคต
ภาพ: Chalinee Thirasupa / REUTERS


