วันนี้ (27 พฤษภาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ร่วมกันแสดงจุดยืน ‘การปลดล็อกกัญชา กัญชง เพื่อใช้ในการดูแลสุขภาพ สร้างเศรษฐกิจ และไม่ใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม’ พร้อมร่วมกับ 8 หน่วยงาน ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือว่าด้วยการส่งเสริมการใช้กัญชา กัญชง ดูแลสุขภาพ สร้างเศรษฐกิจ และไม่ใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม
อนุทินกล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชง โดยช่วงแรกได้ผลักดันให้นำกัญชามาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์และการวิจัย จากนั้นได้ต่อยอดมาเพิ่มมูลค่ากลายเป็นพืชเศรษฐกิจ ทำให้ขณะนี้มีผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกัญชา กัญชงออกสู่ตลาดอย่างหลากหลาย ทั้งผลิตภัณฑ์สมุนไพร อาหาร และเครื่องสำอาง
ซึ่งตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 จะมีผลบังคับใช้ มีผลให้ควบคุมเฉพาะสารสกัดจากพืชกัญชาหรือกัญชงที่มีสาร THC เกินร้อยละ 0.2 เป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ส่งผลให้สามารถนำส่วนต่างๆ ของพืชกัญชา กัญชงมาพัฒนาและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหาร เครื่องสำอาง และสมุนไพรได้ ถือเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของกัญชา กัญชงในประเทศไทย และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่อยากทำความเข้าใจ เพื่อให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยกันอย่างถูกต้องว่า ประชาชนจะสามารถปลูกพืชกัญชา กัญชง เพื่อประโยชน์ในการรักษาและดูแลสุขภาพได้ง่าย ผ่านการจดแจ้ง ส่งผลให้ลดรายจ่ายด้านการรักษา และเพิ่มทางเลือกในการดูแลสุขภาพ
สำหรับผู้ที่ต้องการทำธุรกิจเกี่ยวกับกัญชา กัญชง สามารถทำได้ ไม่มีผูกขาด แต่ขอให้ดำเนินการภายใต้ระเบียบกฎเกณฑ์ เพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้กับผู้ประกอบการให้เกิดความหลากหลายของการพัฒนาสมุนไพร ยกระดับเศรษฐกิจของประเทศ แต่ยังมีการควบคุมการผลิตสารสกัดให้มีคุณภาพมาตรฐาน และมีมาตรการป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิด
อนุทินกล่าวต่อว่า การลงนามในครั้งนี้เพื่อเป็นการแสดงจุดยืนของกระทรวงสาธารณสุขว่า การปลดล็อกกัญชา กัญชงในครั้งนี้ มีเป้าหมาย 3 เรื่อง คือ
- เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ Health & Medical
- ให้เกิดเป็นประโยชน์ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ทั้งในกลุ่มเครื่องสำอาง สมุนไพร และอาหาร รวมถึงส่งเสริมงานวิจัยนวัตกรรม Beauty/Product & Innovation
- เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการดูแลสุขภาพของตนเอง
“ขอขอบคุณภาคีเครือข่ายที่มาร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงในวันนี้ ที่จะร่วมกันรณรงค์ ประชาสัมพันธ์ และถ่ายทอดองค์ความรู้เกี่ยวกับการใช้กัญชา กัญชง ในการดูแลสุขภาพอย่างถูกต้อง เหมาะสม ปลอดภัย ไม่สนับสนุนการนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม เพื่อให้ประชาชนทั่วไป เด็ก เยาวชน บุคลากรทางการแพทย์ ผู้ประกอบธุรกิจ รวมถึงชาวต่างชาติที่จะเดินทางมาพำนักหรือท่องเที่ยวในประเทศไทย ตระหนักถึงประโยชน์และโทษจากการใช้กัญชา กัญชง มีความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้อง สามารถใช้กัญชา กัญชง ในการดูแลสุขภาพอย่างเข้าใจ ทำให้เกิดการรับรู้ของสังคมในวงกว้างในการต่อต้านการใช้กัญชา กัญชงที่ไม่เหมาะสม โดยขอให้ประชาชนใช้ให้ถูก ใช้ให้เป็น ใช้กัญชา กัญชงอย่างเข้าใจ เพื่อสร้างคุณประโยชน์เท่านั้น” อนุทินกล่าว