วันนี้ (15 ตุลาคม) ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีพื้นที่หลายจังหวัดได้เกิดเหตุอุทุกภัย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ติดตามสถานการณ์น้ำและการปฏิบัติภารกิจของบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างใกล้ชิด พร้อมมีข้อสั่งการและให้การสนับสนุนพื้นที่ซึ่งต้องการความช่วยเหลือ ทั้งด้านกำลังบุคลากร ยา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ที่จำเป็น
ทั้งนี้ จากระบบติดตามสถานการณ์วาตภัย อุทกภัย และดินโคลนถล่ม ของกระทรวงสาธารณสุข ณ วันที่ 14 ตุลาคม 2565 พบว่า มีพื้นที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย 29 จังหวัด มีสถานบริการสาธารณสุขได้รับผลกระทบสะสม 215 แห่ง โดยส่วนใหญ่เป็นโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) รองลงมาเป็นโรงพยาบาล สำนักงานสาธารณสุขอำเภอ (สสอ.) ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง (ศสม.) และสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)
ไตรศุลีกล่าวอีกว่า เจ้าหน้าที่ในหน่วยบริการสาธารณสุขที่ประสบภัยทุกแห่งได้ปรับรูปแบบการให้บริการประชาชนอย่างเต็มที่ เนื่องจากในช่วงมีภัยพิบัตินั้นมีโอกาสที่ประชาชนจะประสบอุบัติเหตุหรือมีความเจ็บป่วยมากขึ้น โดยจากหน่วยบริการที่ประสบภัยทั้งหมดนั้น มีหน่วยที่ยังคงเปิดบริการปกติ 166 แห่ง เปิดบริการบางส่วน 22 แห่ง และต้องปิด/ย้ายจุดบริการทั้งหมด 27 แห่ง
นอกจากนี้ ได้จัดทีมปฏิบัติการเชิงรุกลงไปให้การช่วยเหลือประชาชน เพื่อให้บริการเยี่ยมบ้าน ตรวจรักษา แจกยาชุดน้ำท่วมแก่ประชาชน และประเมินคัดกรองสุขภาพจิต ขณะที่ รพ.สต. หลายแห่งซึ่งได้ดำเนินการโอนจากสังกัดกระทรวงสาธารณสุขไปอยู่ภายใต้องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เช่น กรณีของจังหวัดศรีสะเกษ ก็ได้ลงพื้นที่พร้อมกับเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น ทั้งส่วนของการออกหน่วยให้บริการช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง ผู้ประสบภัยน้ำท่วม โดยจัดบริการตรวจรักษาพยาบาลเบื้องต้นและมอบเวชภัณฑ์พื้นฐานให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมในหลายอำเภอของจังหวัดศรีสะเกษ
“รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ติดตามสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมให้กำลังใจและขอบคุณเจ้าหน้าที่ซึ่งได้ทำหน้าที่ให้ความช่วยเหลือ รักษาประชาชนตามหน้าที่และจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ ซึ่งได้เห็นความทุ่มเทของบุคลากรทางการแพทย์มาแล้วในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด ในช่วงเกิดอุทกภัยครั้งนี้ทุกคนก็ได้ให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่ มีการปรับรูปแบบการดูแลประชาชนให้สอดคล้องกับสถานการณ์” ไตรศุลีกล่าว
ไตรศุลีกล่าวต่อไปว่า เนื่องจากหลายพื้นที่ยังคงมีแนวโน้มว่าปริมาณน้ำจะสูงขึ้น เช่น จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง รวมถึงจังหวัดในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มอบหมายให้หน่วยงานภายในกระทรวงสาธารณสุขติดตามสถานการณ์โดยใกล้ชิด แต่ละเขตสุขภาพให้การสนับสนุนเมื่อหน่วยบริการร้องขอความช่วยเหลือ และให้ส่วนกลางจัดเตรียมทั้งยา เวชภัณฑ์ และเครื่องมือแพทย์ให้มีความพร้อม เพื่อส่งสนับสนุนพื้นที่เกิดภัยพิบัติเร็วที่สุด
