วันนี้ (25 กุมภาพันธ์) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ประเทศไทยมีวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 อยู่ในประเทศแล้ว 317,600 โดส เป็นวัคซีนล็อตแรกจาก Sinovac 200,000 โดส และในส่วนของ AstraZeneca 117,600 โดส ที่ได้มาก่อนกำหนดจากโรงงานการผลิตที่มีเครือข่ายกระจายอยู่ทั่วโลก โดยผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขได้ใช้ความพยายามในการเจรจาให้ได้วัคซีนมา ซึ่งวัคซีนของ AstraZeneca ล็อตนี้เป็นส่วนหนึ่งของ 61 ล้านโดสที่ได้ทำสัญญาจองซื้อ มีมาตรฐานและผ่านการขึ้นทะเบียนจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะทำให้เกิดความครอบคลุมการฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดและพื้นที่ควบคุม
อนุทินกล่าวต่อว่า เมื่อวัคซีนจากทั้งสองบริษัทผ่านตรวจรับรองคุณภาพและรับรองรุ่นการผลิตจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะเริ่มฉีดให้กับกลุ่มเป้าหมายตามข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ เพื่อให้เกิดประโยชน์ที่สุด สำหรับการฉีดวัคซีนให้กับผู้นำประเทศ จะมีคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นผู้ตัดสินใจ นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขไม่ปิดกั้นการนำเข้าวัคซีนโควิด-19 จากบริษัทอื่นๆ หากมีเอกสารที่ถูกต้อง มีแหล่งที่มาและแหล่งผลิตที่ได้รับมาตรฐาน ก็สามารถนำมาขึ้นทะเบียนกับ อย. ได้
“วัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทยไม่ได้ล่าช้าหรือมีอุปสรรคใดๆ วันนี้ไทยมีวัคซีนโควิด-19 อยู่ในมือมากที่สุดในเอเชีย หากนับจำนวนประชากรหรืออัตราส่วนประชากรประเทศไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกนี้ และขอให้มั่นใจในวัคซีนและกระบวนการฉีดว่ามีความปลอดภัยในทุกขั้นตอน มีคณะอนุกรรมการอำนวยการบริหารจัดการการให้วัคซีน ควบคุมให้เกิดความเป็นธรรม ทั่วถึง เป็นไปตามหลักวิชาการทางการแพทย์ และอยู่ในกระบวนการสาธารณสุขที่แข็งแกร่งของประเทศไทยทุกประการ” อนุทิน กล่าว
พิสูจน์อักษร: พรนภัส ชำนาญค้า