วันนี้ (1 กุมภาพันธ์) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงเป้าหมายการเมืองของพรรคในศึกเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงว่า พรรคภูมิใจไทยทำเต็มที่แน่นอน และหลังเลือกตั้งเราพร้อมทำงานในทุกบทบาท ขึ้นอยู่กับความไว้วางใจของประชาชน ถ้าประชาชนเลือกเราเข้ามามากก็พร้อมเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งบทบาทนายกฯ ของตนคือการประสานทุกฝ่ายช่วยกันทำงาน เรื่องข้าง เรื่องสี ขอให้พอ ประเทศไทยถูกความขัดแย้งเหนี่ยวรั้งมานานเกินไปแล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จากนี้พรรคภูมิใจไทยจะเปลี่ยนจากพรรคผู้ถูกเลือกเป็นพรรคที่เป็นผู้เลือกแล้วใช่หรือไม่ อนุทินกล่าวว่า เอาเข้าจริงเราเป็นผู้เลือกอยู่ตลอด ครั้งที่แล้วถ้าไม่ได้พรรคภูมิใจไทยจะตั้งรัฐบาลกันได้หรือไม่ ย้อนกลับไปมีการเสนอสิ่งต่างๆ มาให้ตนและพรรคมากมาย ตำแหน่งสูงกว่ารัฐมนตรีก็ให้ แต่ถามว่า รับไปแล้ว บ้านเมืองไปต่อได้ไหม ถ้าไม่ได้ ถึงเป็นนายกฯ ก็ไม่มีประโยชน์ คราวที่แล้วเมื่อเราเลือก อำนาจ คสช. ก็หมดไปทันที แต่ถ้าไม่เลือกตามรัฐธรรมนูญคือรัฐบาลรักษาการอยู่ต่อไปจนถึงการที่คณะรัฐมนตรีใหม่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ฯ แต่สิ่งเหล่านั้นไม่เกิด เพราะการเลือกของภูมิใจไทย เราทำให้การเมืองเข้าสู่ระบบใหม่ และประเทศไทยก็ยังไปข้างหน้าได้ด้วย
อนุทินกล่าวอีกว่า การเลือกของเราก็เป็นไปตามที่เราบอกไว้ว่าจะไม่ให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มาชี้ขาดนายกฯ เพราะจะเห็นว่านายกฯ ก็ได้มาจากเสียงสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เกินครึ่ง ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ยังยึดมั่นในหลักการเดิม และเชื่อว่า ส.ว. จะไม่ฝืนเสียงประชาชนตั้งนายกฯ ที่มาจาก ส.ส. เสียงข้างน้อย เราไม่เอาด้วยแน่ ถ้ารวมเสียง ส.ส. ได้ 240 เสียง แล้วไปเอาเสียง ส.ว. มาเติมให้ครบ 375 เสียง สิ่งที่ต้องคิดในฐานะนักการเมืองก็คือโจทย์ที่ว่าจะทำอย่างไรให้การเมืองมันเข้มแข็ง เรื่องนี้สำคัญมาก
“ผมมองว่าการเมืองไทยมีวิวัฒนาการ ถ้า ส.ส. ร่วมกันได้ รวมเสียงเลือกนายกฯ ให้ได้เกินกึ่งหนึ่ง ส.ว. ก็น่าจะเทไปตามเสียงตัวแทนพี่น้องประชาชน ผมเชื่อแบบนั้น” อนุทินกล่าว