วันนี้ (4 ตุลาคม) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงการควบคุมอาวุธปืน หลังเหตุเยาวชน 14 ปี ยิงปืนในศูนย์การค้าสยามพารากอนว่า โดยปกติอาวุธปืนทุกกระบอกในประเทศไทยจะมีทะเบียนอยู่แล้ว ดังนั้นจึงสามารถสืบย้อนกลับไปว่าเจ้าของอาวุธปืนเป็นใคร และมีใบอนุญาตพกพาอาวุธปืนหรือไม่ ซึ่งต้องยอมรับว่าส่วนใหญ่ไม่มีใบอนุญาต จึงเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
อนุทินกล่าวอีกว่า ตนตั้งใจว่าจะหารือกับอธิบดีกรมการปกครอง เพื่อกำหนดนโยบายว่าในช่วงที่ตนดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะไม่มีการออกใบอนุญาตพกพาอาวุธปืนให้กับบุคคลทั่วไป เพราะไม่มีเหตุผลความจำเป็น สำหรับผู้ที่ให้เหตุผลว่าชีวิตอยู่ในอันตราย หากยิ่งอนุญาตให้พกพาอาวุธปืนจะยิ่งเพิ่มอันตรายมากขึ้น เพราะอาวุธปืนเป็นอาวุธร้ายแรงที่ทำร้ายคนได้ ต้องควบคุมเข้มงวด รวมไปถึงกระสุนปืนจะต้องไม่ซื้อหาได้โดยง่าย ต้องมีการตั้งกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน เช่นเดียวกับสนามซ้อมยิงปืน แม้ทุกวันนี้จะมีระเบียบ ข้อบังคับ และกฎหมายในการควบคุมการเข้าไปใช้พื้นที่อยู่แล้ว แต่ก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น เพราะขณะนี้เป็นเรื่องของการหลีกเลี่ยงกฎหมาย ในขณะที่ผู้คุมกฎระเบียบก็ไม่เคร่งครัดมากพอ
สำหรับกรณีเยาวชน 14 ปีรายนี้ ชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่สามารถเข้าถึงอาวุธปืนหรือเข้าสนามซ้อมยิงปืนได้ จึงเป็นเรื่องที่ผิดตั้งแต่ขั้นตอนแรก ไม่มีการตรวจสอบมาก่อนเลย หรือเมื่อเด็กมีอาการเจ็บป่วย ทำไมผู้ปกครองถึงยังพาไปยิงปืน ซึ่งโดยกฎหมายผู้ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะไม่สามารถครอบครองอาวุธปืนได้ ดังนั้นความรับผิดชอบจะไปตกอยู่ที่ผู้ปกครอง หากมีอาวุธปืนจะต้องเก็บในที่มิดชิด เพราะแม้จะมีใบอนุญาตพกพาอาวุธปืน ก็ไม่สามารถนำไปยิงใส่คนอื่นได้ เพราะมีกฎเกณฑ์อยู่แล้ว เช่น ห้ามทิ้งไว้ในรถ ห้ามบรรจุกระสุนทิ้งไว้ในแมกกาซีน ซึ่งครอบคลุมความปลอดภัยไว้หมดแล้ว เพียงแต่คนไม่เคารพกฎหมาย
อนุทินยังกล่าวอีกว่า ในส่วนของกระทรวงมหาดไทยเองก็ต้องจัดระเบียบไม่ให้มีการเข้าถึงหรือได้มาซึ่งปืนและอาวุธร้ายแรงเหมือนกับที่ผ่านมา บ้านเมืองมีกฎหมาย หากมีภัยต้องแจ้งความให้เจ้าหน้าที่หรือเจ้าพนักงานเข้าไปดูแล จากนี้อธิบดีกรมการปกครองจะเข้าไปตรวจสอบและป้องกัน อาจเพิ่มการลงโทษไม่ให้เกิดความรุนแรง ไม่ให้คนพกปืนไปไหนมาไหนในชีวิตประจำวัน ที่นี่ไม่ใช่ดินแดนคาวบอย
ส่วนประเด็นการหาซื้ออาวุธผ่านระบบออนไลน์นั้น อนุทินยืนยันว่า ทำไม่ได้ ต้องไปดูว่าผ่านเข้ามาได้อย่างไร เพราะทุกอย่างจะต้องผ่านการตรวจสอบและขออนุญาตนำเข้าจากหน่วยงานต่างๆ มากมาย คงไม่มีหน่วยงานไหนอนุมัติการนำเข้าอาวุธปืน จึงเข้มงวดการสำแดงเอกสารว่าเป็นสินค้าประเภทใด ตรงตามความเป็นจริงหรือไม่
อนุทินยังยืนยันว่า มาตรการการตรวจสอบและป้องกันการครอบครองอาวุธปืนจะรวมไปถึงปืนดัดแปลงและสิ่งเทียมอาวุธ อย่างปืนบีบีกัน สมัยก่อนหาซื้อได้ตามท้องตลาด แต่หากพบว่าสามารถนำไปดัดแปลงได้ก็จะต้องควบคุม อาจไปถึงการจำกัดการซื้อและการเข้าถึง เพราะปืนบีบีกันมีความอันตราย หากยืนในระยะประชิดก็มีอานุภาพทำให้เกิดการบาดเจ็บสาหัสได้เช่นกัน ดังนั้นจากนี้อาจจะเปิดให้มีการขึ้นทะเบียนผู้ครอบครองปืนบีบีกัน ตลอดจนสิ่งเทียมอาวุธอื่นอย่างถูกต้อง
“จะถือโอกาสเป็นรัฐมนตรีเข้าใหม่ และอธิบดีกรมการปกครองคนใหม่ ไม่ได้ไปติดหนี้บุญคุณใครหรือติดค้างใคร ไม่มีพรรคพวกที่ไหนในกระทรวงหรือกรมที่ตนรับผิดชอบอยู่ ก็จะดูให้เต็มที่ เอาให้แห้ง ตรงไหนที่กฎหมายไปได้ ใช้กฎหมาย ตรงไหนที่กฎหมายไปไม่ได้ ก็จะเสนอให้แก้กฎหมาย วันนี้เราเป็นรัฐบาลที่มีเสียงถึง 320 เสียง เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของประชาชน ความสงบสุขของบ้านเมือง หากจำเป็นต้องแก้กฎหมายจะมีใครขวางไหม” อนุทินกล่าว