วันนี้ (6 เมษายน) ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีโลกออนไลน์มีการเผยแพร่ภาพว่า ตนเองความสนิทสนมกับ มณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ว่า มีความสนิทสนมกันเป็นเรื่องจริง รู้จักกันกว่า 10 ปีแล้ว เนื่องจากเคยเรียนหลักสูตร วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นเดียวกัน ตนเองเป็นประธานรุ่น ส่วนผู้ว่าการ สตง. เป็นเลขาธิการ แต่ข้อมูลที่ระบุว่ามีการช่วยเหลือกันเกี่ยวกับกรณีตึกถล่มนั้น เป็นความเท็จ เป็นข้อมูลที่มีแต่การนั่งเทียนเขียนข่าว ซึ่งต้องขอชี้แจงว่า ไม่เป็นความจริง เพราะความเป็นเพื่อน เป็นมาก่อนที่ตึกจะสร้างอีก
ข้อเท็จจริงอีกอย่างคือ มณเฑียร เจริญผล ผู้ว่า สตง.ไม่ได้เป็นผู้ลงนามให้ก่อสร้างตึก สตง.แห่งนี้ เนื่องจากเพิ่งมาดำรงตำแหน่งผู้ว่าการ สตง. ได้ไม่นาน ฟังข้อมูลผิดๆ ตนเองไม่อยากให้มีการฟังข้อมูลที่ผิดๆ ต้องมีการกรองข้อมูลก่อน หากดูจากรูปที่ถ่ายร่วมกัน ก็เห็นว่า ถ่ายตั้งแต่ยังไม่มีรอยตีนกา เพราะฉะนั้นคนละเรื่องกัน ความเป็นที่รู้จัก ความเป็นเพื่อนกันก็เป็นอีกเรื่อง
อนุทินยืนยันว่า หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ก็ไม่มีใครที่สามารถช่วยเหลือใครได้เด็ดขาด เพราะการสอบสวนทุกอย่างต้องตรงไปตรงมา ซึ่งใน คณะกรรมการสืบสวน มีตัวแทนจากสภาวิศวกร และตัวแทนจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยหลายแห่ง ดังนั้นเรื่องดังกล่าวนี้จึงไม่สามารถที่จะชี้นำและบิดเบือนข้อเท็จจริงได้ หรือต่อให้ทำได้ตนก็ไม่ทำ เพราะตึกถล่มลงมาขนาดนี้ จะไปช่วยเหลือคนผิดคงเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว การเขียนข่าวก็จะต้องมีการเขียนถึงข้อเท็จจริงด้วย
ส่วนจะมีการฟ้องร้องหรือไม่นั้น อนุทินกล่าวว่า ข่าวมันไม่จริง ไม่รู้จะฟ้องไปทำไมเพราะเรื่องแค่นี้ ยืนยันว่าตนและมณเฑียรนั้นเป็นเพื่อนกันจริง แต่จะไม่มีการช่วยเหลือใดๆ เพราะช่วยไม่ได้ เมื่อวานนี้ก็มีการพูดคุยกันในไลน์กลุ่มรุ่น วปอ. ไม่ใช่ข้อเท็จจริง จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะไปช่วยเหลือใคร ให้ผิดเป็นถูกในเหตุการณ์นี้ นอกจากจะไม่ช่วยแล้วตนยังได้เน้นย้ำ กลับทุกฝ่าย ต้องหาเหตุของของการถล่มในครั้งนี้ให้ได้ เพราะอาคารในกรุงเทพจำนวนมากไม่ได้ถล่ม แต่มีเพียงอาคารเดียวที่ถล่ม ดังนั้นต้องมีความผิดพลาดอย่างแน่นอน
อนุทินกล่าวต่อว่า หลังเกิดเหตุเหตุการณ์ตึกถล่ม ตนเองได้พูดคุยกับ ผู้ว่า สตง.แล้ว ท่านก็อาการเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนกรณีที่กระทรวงมหาดไทยมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นการตรวจสอบสาเหตุของการถล่มไม่ได้เป็นการตรวจสอบผู้ว่าฯสตง. ส่วนเรื่องสัญญาว่ามีการฮั้วในภายในบริษัทหรือไม่นั้น ก็เป็นเรื่องของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI)