วันนี้ (9 มิถุนายน) ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) สั่งนับคะแนนใหม่ 47 หน่วย ใน 16 จังหวัด จะมีผลให้พรรคภูมิใจไทยได้คะแนนเพิ่มขึ้นหรือไม่ ว่าตนยังไม่ได้ตรวจสอบ ก็ติดตามข่าวเหมือนกับผู้สื่อข่าว ซึ่งก็มีอยู่หลายเขต
ส่วนมีพรรคการเมืองมาพูดคุยดีลต่อรองทางการเมืองหรือไม่ อนุทินกล่าวว่าไม่มี ตอนนี้คุยเรื่องพวกนี้ไม่ได้ เพราะเราต้องทำตามมารยาท ซึ่งผู้สื่อข่าวก็เห็นชัดเจนว่าพรรคภูมิใจไทยเคยพูดไว้ว่าหลังการเลือกตั้งแล้วพรรคที่ได้คะแนนสูงสุดจะต้องเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยมาที่ 3 ไม่ใช่ที่ 2 เราก็ต้องอยู่เฉยๆ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มีอะไรจะฝากฝังถึงรัฐบาลใหม่หรือไม่ อนุทินกล่าวว่างานมีความต่อเนื่องอยู่แล้ว ซึ่งส่วนตัวเรื่องที่เป็นนโยบายได้ถูกนำมาปฏิบัติเป็นผลสำเร็จหมดแล้ว และหลังยุบสภาไม่ได้ให้นโยบายอะไรใหม่กับกระทรวงนับตั้งแต่เป็นรัฐบาลรักษาการ ดังนั้นไม่มีปัญหาเรื่องความต่อเนื่องแน่นอน ไม่ว่าใครจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข โดยงานส่วนใหญ่ของกระทรวงสาธารณสุขเป็นงานประจำที่ปฏิบัติทุกวัน และยังไม่เคยเห็นประเพณีส่งมอบงานอะไร อะไรที่เป็นเรื่องผูกพันงบประมาณของรัฐบาลเราก็พยายามหลีกเลี่ยง ให้รัฐมนตรีคนใหม่ตัดสินใจ รวมถึงเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการ ขณะนี้เราก็ไม่ได้ทำอะไรทั้งสิ้น
ส่วนที่มีโพลออกมาว่าอยากได้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขคนใหม่เป็นหมอ โดยมีชื่อ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยนั้น อนุทินกล่าวว่าเป็นใครก็ทำงานได้ถ้าเข้าใจระบบงานบริหารทำได้หมด ซึ่งที่ผ่านมาประวัติรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขมีทั้งคนที่เป็นหมอและเป็นบุคคลทั่วไป ก็ทำงานมาไม่มีปัญหาอะไร
ขณะเดียวกัน เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะที่เคยทำงานกับ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เจ้าตัวประกาศจะกลับเมืองไทยในเดือนกรกฎาคม แต่ครอบครัวไม่อยากให้กลับมาเพราะไม่อยากมีปัญหา มองเรื่องนี้ว่าจะมีผลอย่างไร อนุทินกล่าวว่าตนก็เคารพท่านเสมอ แต่เรื่องส่วนตัว เรื่องครอบครัว เราไม่ใช่คนในครอบครัว ก็ต้องเคารพการตัดสินใจของครอบครัว จึงไม่มีความเห็นในเรื่องนี้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าการกลับมาหรือไม่กลับมาของทักษิณจะส่งผลต่อการเมืองหรือไม่อย่างไร อนุทินยืนยันว่าในส่วนของพรรคภูมิใจไทย คนไทยทุกคนมีสิทธิ์ภายใต้กฎหมายทุกอย่าง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคภูมิใจไทยวางหลักในการโหวตประธานสภาอย่างไร อนุทินกล่าวว่ายังไม่วาง ขณะนี้ต้องรอการรับรอง ส.ส. ก่อน ซึ่งเห็นว่าการทำงานของ กกต. เมื่อเทียบกับครั้งที่แล้วยังไม่ช้า และในรัฐธรรมนูญให้เวลา 45-60 วัน ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในเวลา หากยังไม่ประกาศผลก็ยังไม่สามารถตัดสินใจได้ เพราะอาจจะต้องมีการนับคะแนนใหม่หรือตรวจสอบคุณสมบัติอีก จึงยังไม่รู้ว่าพรรคใดจะได้อันดับ 1 และอันดับ 2
“ไม่กังวล เพราะคงไม่ตกมาถึงพรรคอันดับ 3 และคงจะไม่มีพรรคถูกตัดสิทธิ์จนทำให้พรรคที่มี 71 เสียง (พรรคภูมิใจไทย) กลายเป็นพรรคอันดับ 1 ก็เลยไม่กังวล ถ้าเราอยู่เป็นพรรคอันดับ 2 ค่อยมานั่งคิด แต่ขณะนี้เรายังเป็นพรรคอันดับ 3 อยู่” อนุทินกล่าว
ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของ กกต. ว่าทำงานล่าช้า แม้จะตามกรอบเวลาแต่ควรจะเร็วกว่านี้ เพราะจะมีผลต่อจำนวน ส.ส. และลำดับพรรคการเมือง อนุทินย้ำว่าเป็นเรื่องข้อกฎหมาย ทำเร็วไปช้าไปแล้วแต่คณะที่ทำงาน แต่ที่เห็นมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นทุกวัน เมื่อวานนี้มีการประกาศว่าจะต้องนับคะแนนใหม่ มีความคืบหน้าเป็นลำดับอยู่แล้ว ตนพูดไม่ได้ว่าช้าไป ถ้าไปถามคนทำงานเขาก็จะตอบว่ายังอยู่ในกรอบเวลา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่าพรรคอันดับ 1 และอันดับ 2 อาจจะมีการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น อนุทินกล่าวว่าไม่อยากให้มีปัญหาดีที่สุด พรรคภูมิใจไทยไม่ทำอะไรให้มีปัญหาเลยนะ เราไม่พยายามเคลื่อนไหวหรือว่ากล่าววิพากษ์วิจารณ์อะไรทั้งสิ้น เราเคารพกติกา ทำตามมารยาททางการเมืองที่ควรจะทำ
