วันนี้ (13 มิถุนายน) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวต่อข้อห่วงใยของสังคมหลังการปลดล็อกกัญชา ตามประกาศของกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง การระบุชื่อยาเสพติด (ยส.5) โดยระบุว่า ขอบคุณในความห่วงใยที่หลายฝ่ายให้มา แต่อย่างที่เรียนมาตลอดว่าตนให้ความสำคัญกับเรื่องของการแพทย์และสุขภาพเป็นสำคัญ ไม่มุ่งเน้นให้ไปใช้ในทางที่ผิด อะไรที่ไม่มีประโยชน์ ตนไม่สนับสนุนแน่นอน และคิดว่าประชาชนน่าจะทราบเป้าหมายของการปลดล็อกกัญชาไปจนถึงวิธีใช้อย่างถูกวิธี เพราะกระทรวงสาธารณสุขพูดเรื่องนี้กันมานานมาก นโยบายกัญชาเสรีทางการแพทย์เป็นเรื่องที่ต้องทำ เพราะเป็นนโยบายที่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี บรรจุไว้ในนโยบายของรัฐบาล และเป็นนโยบายเร่งด่วน เป็นนโยบายที่กระทรวงสาธารณสุขให้ไว้กับประชาชน เพราะนี่คือความหวังหนึ่งของคนไทย
นอกจากนี้อนุทินยังกล่าวอีกว่า งาน ‘มหกรรมกัญชา 360 องศา ปลดล็อคกัญชา ประชาชนได้อะไร’ ที่จังหวัดบุรีรัมย์ ตลอด 3 วันที่ผ่านมา มีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 80,000 คน ผู้ประกอบการได้เข้ามาขอใบอนุญาตการใช้กัญชา-กัญชง ผสมในสินค้ามากกว่า 500 ราย รวมถึงในแอปพลิเคชันปลูกกัญ มีคนมาขอขึ้นทะเบียนปลูกมากกว่า 7 แสนรายแล้ว สำหรับข้อมูลต่างๆ ขอให้เข้าไปศึกษาเพิ่มเติมในแอป ซึ่งทางกระทรวงสาธารณสุขให้ความรู้มาโดยตลอดว่านโยบายนี้เป็นการเปิดให้กัญชาเสรีเพื่อการแพทย์ และกำลังมีการกระจายข้อมูลให้ถึงทุกพื้นที่เพื่อสร้างความเข้าใจร่วมกัน
สำหรับคนที่กังวลว่านโยบายนี้จะทำให้เกิดการติดกัญชา ตนขอเรียนว่าผู้ที่ใช้อย่างผิดๆ เขาใช้กันมานานแล้ว และตอนนี้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่อยู่ในการพิจารณาจากหลายภาคส่วน ก็กำลังรับฟังปัญหาและหาทางตีกรอบพฤติกรรมพวกนั้นอยู่ ส่วนการใช้แล้วก่อให้เกิดความรำคาญในที่สาธารณะนั้นก็มีความผิด สูบแล้วไปขับรถจนเกิดอุบัติเหตุก็มีความผิด ซึ่งความผิดเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องถึง พ.ร.บ.กัญชา เพราะกฎหมายอื่นๆ ก็ใช้ควบคุมพฤติกรรมเหล่านี้ได้เช่นกัน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การปลดล็อกกัญชาเกิดขึ้นเร็วไปหรือไม่นั้น อนุทินตอบว่า ช้าไปเสียอีก เพราะนโยบายนี้พูดกันมานานแล้ว ตอนหาเสียงก็หาเสียงเรื่องนี้ เราต้องไปถามคนที่เขามองถึงประโยชน์จากกัญชาด้วย ส่วนที่กังวลก็ขอให้คลายกังวล เพราะเรามีกลไกควบคุมอยู่แล้ว ยกตัวอย่างผลิตภัณฑ์จากกัญชา เราไม่สามารถผลิตแล้วมาขายกันเองได้ ยกเว้นว่าผ่านการพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) แล้ว เมื่อมี อย. เข้ามาดูแล ก็แปลว่าปลอดภัย
ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่า ตอนนี้มีการนำใบสดออกมาขายกัน มีความผิดหรือไม่ อนุทินตอบว่า ขายได้ ส่วนช่อดอกถ้านำมาสกัดเป็นน้ำมันกัญชาต้องกำหนดค่า THC ไม่เกิน 0.2% ของน้ำหนัก หากเกินจะเท่ากับผิดกฎหมาย โดยในส่วนของ อย. จะมีการทำหน้าที่สุ่มตรวจตามปกติ ซึ่งตามปกติผลิตภัณฑ์กัญชาต้องผ่านการอนุญาตของ อย. ก่อนอยู่แล้ว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงการควบคุมการเข้าถึงของเด็กและเยาวชนจะทำอย่างไร อนุทินตอบว่า ตอนนี้ พ.ร.บ.กัญชา อยู่ในชั้นพิจารณา ด้านในมีคณะกรรมาธิการคอยปรับปรุงร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวอยู่ และเป็นคณะกรรมาธิการที่มาจากหลายภาคส่วน ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล ผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ ตัวแทนภาคประชาสังคม ก็ช่วยกันดู โดยจะมีการกำหนดชัดเจนว่าห้ามขายให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ถ้าพบเด็กสูบกัญชาแล้วสืบสาวราวเรื่องเจอตัวคนขาย คนคนนั้นจะมีความผิดและมีกฎหมายลงโทษในอนาคต ซึ่งต้องมาดูอีกครั้งว่าจะมีการปรับแก้เพิ่มเติมอย่างไรบ้าง แต่ส่วนตัวมั่นใจว่าจะออกมามีความสมบูรณ์ เหมาะสม และตอบโจทย์ทุกฝ่าย