วานนี้ (6 พฤษภาคม) ที่ลานพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช วงเวียนใหญ่ อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมคณะผู้บริหาร อาทิ พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ผู้อำนวยการเลือกตั้งกรุงเทพมหานคร (กทม.) ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ระบบบัญชีรายชื่อ, ศุภชัย ใจสมุทร นายทะเบียนพรรค ผู้สมัคร ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ, อนุสรี ทับสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ พร้อมทีมผู้สมัคร ส.ส. กทม. ได้สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราช
อนุทินกล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า เกือบ 20 ปีที่การเมืองไทยจมปลักอยู่กับความขัดแย้ง มันทำให้ความก้าวหน้าที่ควรจะเป็นถูกรั้งเอาไว้ แต่ประชาชนก็อดทนกันมาได้ แต่จากปัญหา 2 ทศวรรษ สถานการณ์ที่เป็นอยู่ เราไม่ได้อดทน แต่เราต้องทนอด ซึ่งมันไม่สมควรเกิดขึ้น จำได้ไหม ครั้งหนึ่งประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นสยามเมืองยิ้ม ชั่วโมงนั้นบ้านเมืองสงบ คนไทยมีความสามัคคี ประเทศไทยพัฒนาไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง เศรษฐกิจเติบโต แล้วย้อนกลับมาดูช่วง 20 ปีหลังเกิดอะไรขึ้นบ้าง ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้นหรือไม่ ทุกท่านตอบคำถามตรงนี้ได้ ถึงเวลาแล้วที่คนไทยต้องกลับมาจับมือช่วยกันผลักดันประเทศไปข้างหน้า ให้พี่น้องมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
“ทั้งโลกรู้จักเราในฐานะของสยามเมืองยิ้ม มีการเข้ามาลงทุน เข้ามาท่องเที่ยว ทำให้เรามีความเจริญรุ่งเรือง แต่พอเราทะเลาะกันสิ่งเหล่านี้ก็หายไป ตอนนี้เรายังกลับตัวทัน ประเทศไทยต้องการการเมืองที่สร้างสรรค์ ต้องการเห็นคนไทยสามัคคี ซึ่งพรรคภูมิใจไทยอาสามาทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น ถ้าเรามีโอกาสทำงาน เราทำได้จริงแน่นอน”
อนุทินกล่าวตอนหนึ่งว่า ตนชอบร้องเพลง และได้แนะนำ ‘เพลง-ชนม์ทิดา อัศวเหม’ และบอกว่าชอบเพลง โลกนี้คือละคร ก่อนจะพูดเป็นเนื้อเพลงว่า โลกนี้คือละคร แบ่งเป็นตอนๆ ตัวละครคือคนทุกคน เพราะฉะนั้นเรามีหน้าที่ ทำตามหน้าที่ ทำตามบทบาทไป สุดท้ายหน้าที่ของพรรคการเมืองก็จะต้องทำประโยชน์ให้กับพ่อแม่พี่น้องทุกคน ผมเชื่อมั่นว่าพรรคภูมิใจไทยทำงานได้กับทุกหมู่ทุกฝ่าย ไม่มีปัญหา แล้วไม่ต้องมาบอก อย่าไปฟัง ไม่เอาพรรคภูมิใจไทย เราไม่รวมพรรคภูมิใจไทย ผมยังไม่เคยได้ยินคำนี้ ไม่ต้องห่วง หลังวันที่ 14 ผมกราบขอพ่อแม่พี่น้อง กาพรรคภูมิใจไทยและกา ส.ส. พรรคภูมิใจไทย และพรรคภูมิใจไทยจะให้คำตอบพ่อแม่พี่น้องเองว่า เราจะร่วมกับใคร ไม่ใช่ใครจะเอาเราไปร่วม
อนุทินกล่าวทิ้งท้าย พี่น้องดูแล้วกัน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีกี่คน มีใครสมบูรณ์เท่าตนบ้าง ซึ่งตนไม่อยากพูด รอมาพูดเวทีสุดท้าย ตนเป็นนักการเมืองมา 20 ปี ประสบการณ์ 20 ปีมากพอ อยู่ในพรรคการเมืองที่มีความเป็นเอกภาพ เป็นปึกแผ่น และตนทำงานการเมืองบริหารราชการแผ่นดินให้พี่น้องประชาชนด้วยความสุขซื่อสัตย์สุจริต
