วันนี้ (3 กันยายน) ที่พรรคภูมิใจไทย อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าหนังสือทูลเยุบกล้าฯขอยุบสภาถูกตีกลับมา ว่า เป็นเพียงแค่ข่าว แต่เราก็ต้องรอรัฐบาลเป็นผู้แจง ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่
ส่วนกรณีที่ ศุภชัย ใจสมุทร หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคภูมิใจไทย เดินทางไปแจ้งความดำเนินคดี ภูมิธรรม เวชชยชัย ซึ่งปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี ฐานปฏิบัติหน้าที่มิชอบตามมาตรา 157 จากกรณียื่นทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานยุบสภา ที่ สน.ดุสิต อนุทินตั้งคำถามว่า ศุภชัยไปแจ้งในนามใด หากเป็นการไปในนามส่วนตัวก็เป็นอีกเรื่อง ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวเป็นพระราชอำนาจ ไม่ว่าเสนอไปในรูปแบบใด จะทรงโปรดเกล้าฯ หรือไม่โปรดเกล้าฯ รัฐบาลต้องรีบแจ้งให้ประชาชนทราบ เพราะเป็นเรื่องสำคัญและต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าปัญหาการโหวตนายกรัฐมนตรีตอนนี้จะสะดุดหรือไม่ อนุทินยืนยันว่า ไม่มีปัญหาเพิ่งลง MOA กับพรรคประชาชนไปเมื่อเช้านี้ เราก็เพียงรอเวลาให้ความชัดเจนมันเกิดขึ้น ซึ่งเรื่องข้ออ้างที่จะมีการสอบถามประธานศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็มีความชัดเจนในราชกิจจานุเบกษา เกี่ยวกับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง สราวุธ ทรงศิวิไล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ มีผลตั้งแต่วันที่ 30 สิงหาคม 2568 ซึ่งมันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าไม่ใช่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 มองว่าไม่ต้องถามด้วยซ้ำ
ทั้งนี้ ไม่จำเป็นต้องมาบอกว่าต้องรอศาลรัฐธรรมนูญตอบมาก่อน เพราะเป็นคำถามที่ไม่ชอบ เป็นคำถามที่ไม่ชอบ คนที่ได้รับคำถามก็มีสิทธิ์ที่จะตอบหรือไม่ตอบ แต่ส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะตอบเพราะข้อเท็จจริงมันไม่มี
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีความพยายามที่จะยื้อเวลาวันโหวตนายกรัฐมนตรีไปหลังวันที่ 10 กันยายน อนุทิน กล่าวว่า มองโลกในแง่ดี เพื่อต้องการความละเอียด ตนก็ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนจะเป็นวันที่ 5 กันยายนหรือวันที่ 10 กันยายน ตนไม่ทราบแต่ใครทำอะไรก็ตาม ถ้ามันขัดต่อกฎหมายหรือรัฐธรรมนูญ คนที่ทำก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าขัดต่อจริยธรรมคนที่ทำก็ต้องยิ่งรับผิดชอบเข้าไปใหญ่ เพราะฉะนั้นใครที่คิดว่าจะดึงเกมหรือจะทำอะไร ให้เกิดอุปสรรคต่างๆ นานา ก็ต้องระมัดระวังทางด้านเรื่องกฎหมายไว้ด้วย เพราะผู้เสียหายคือประเทศชาติ ประชาชน และคือทุกๆ คน ส่วนจะเป็นการสกัดไม่ให้อนุทินเป็นนายกรัฐมนตรี อนุทินส่ายหัวแทนคำตอบ
ส่วนการกล่าวหาของสส.พรรคเพื่อไทย ในเรื่องดีล 44 ส.ส. พรรคประชาชนและโหวตนายกรัฐมนตรี ดูเป็นการส่อเจตนาเกินไปหรือไม่ อนุทินกล่าวว่า ก็ไม่เป็นไรใครจะพูดอะไรก็ได้ ใครจะพูดอะไรก็ได้แต่ขออย่าให้ผิดกฎหมาย หรือเกิดการหมิ่นประมาทให้ร้ายคนอื่น ตอนนี้ก็เปรียบเสมือนการแข่งขันกัน
อย่าง สส.ที่มาสนับสนุนตนให้เป็นนายกรัฐมนตรี เราก็มั่นใจว่าเราเล่นอยู่ในกติกาทุกอย่าง ไม่ใช้ความได้เปรียบ เพื่อทำให้ทุกอย่างมันช้าลง หรือทำให้เกิดอุปสรรคเพราะคนที่เดือดร้อนคือพี่น้องประชาชน ก็อยากให้สำนึกเอาไว้ในประเด็นนี้ด้วย อะไรที่อยู่ในข้อตกลงก็เป็นไปตามนั้นแต่เรื่องอื่นๆ เราก็สามารถคุยกันได้ เวลาที่มันเป็นประโยชน์
ทั้งนี้ หลังการให้สัมภาษณ์ อนุทินได้เดินจากที่ทำการพรรคมายังร้านกาแฟจาริสต้าเพื่อสั่งเอสเปรสโซร้อน เมนูโปรดที่ภรรยาเป็นผู้ชง พร้อมถามหาไอศกรีมมาทานคู่กับเยลลี่สตรอว์เบอร์รีสีแดง
ก่อนผู้สื่อข่าวจะถามว่าร้านนี้มีเค้กส้มหรือไม่ อนุทินได้หันไปดูในตู้โชว์และตอบติดตลกว่า “ตั้งแต่พรุ่งนี้เดี๋ยวสั่งมาเลย ให้ไปถามเจ๊เจ้าของ” พร้อมหัวเราะ ก่อนบอกอีกว่า “ให้ผู้สื่อข่าวเหมาเลย คงไม่เกิน 3,000 บาท”
อย่างไรก็ตาม ท่าทีของอนุทินในวันนี้ยังคงผ่อนคลาย แม้จะมีการยื่นทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานยุบสภาเกิดขึ้นแล้วก็ตาม