วันนี้ (3 มกราคม) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงมาตรการรับมือชาวจีนที่เดินทางเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย หลังจากจีนยกเลิกนโยบาย Zero-COVID และอนุญาตให้ประชาชนชาวจีนสามารถออกจากประเทศได้ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคมเป็นต้นไปว่า ประเทศจีนเปิดแล้วดีไหม ก็ดี รัฐบาลก็ต้องเตรียมมาตรการของเรา ต้องดำเนินการอย่างไรเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นหน้าที่ของสาธารณสุขที่มีมาตรการรองรับอยู่แล้ว
“ในวันนี้หลายประเทศก็เตรียมรับมือในส่วนนี้อยู่แล้ว บางอย่างอาจมีความเหมือนกัน บางอย่างอาจมีความต่างกัน ของเราอยู่ในโซนเกรด A ก็ต้องเชื่อมั่นในส่วนนี้ ในช่วงปีใหม่ที่ผ่านมามีคนเที่ยวเยอะมาก แต่เราก็ต้องเฝ้าระวัง ถ้าหากเรามีการป้องกันที่ดีก็ไม่มีอะไร หากตรวจพบเชื้อก็รักษาพยาบาลได้ หากสาหัสเราก็เคยมีบทเรียนที่แก้เรื่องนี้มาแล้ว มีหลายประเทศที่เอาประเทศไทยไปเป็นตัวอย่าง” พล.อ. ประยุทธ์กล่าว
ขณะที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า วันที่ 5 มกราคมนี้จะหารือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงคมนาคม ว่าจะทำอย่างไรให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชนมากที่สุด โดยที่ไม่มีความเสียหาย
ส่วนจะมีมาตรการที่เข้มข้นกับชาวจีนนั้น ในที่ประชุมคณะกรรมการวิชาการทางการแพทย์มีมติว่าไม่จำเป็นจะต้องแยกปฏิบัติใดๆ เพราะมีมาตรการที่มีความพร้อมทั้ง 2 ฝั่ง เช่น คนที่เข้ามาประเทศไทยต้องมีประกันสุขภาพ จึงไม่จำเป็นต้องมีข้อห้ามอะไรมากมาย
ขณะที่การตรวจเชื้อ ความเห็นทางการแพทย์มองว่าคงไม่จำเป็น เรื่องบางอย่าง ถ้าเป็นเรื่องการแพทย์ต้องให้ทางกรมควบคุมโรค ซึ่งทำหน้าที่ป้องกัน เฝ้าระวังโรคติดต่อ กำหนดมาตรการซึ่งไม่สร้างความเสียหายให้กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ ดังนั้นจึงต้องให้ความเชื่อมั่น และตนพร้อมให้กำลังใจ สนับสนุนเขาเต็มที่
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สหรัฐอเมริกาและประเทศในทวีปยุโรปมีความกังวลว่าโควิดสายพันธุ์ในประเทศจีนจะกลายเป็นสายพันธุ์ใหม่ และจะทำให้ประเทศไทยได้รับความเสียหาย อนุทินกล่าวว่า ตนเองเชื่อนักวิชาการของคณะกรรมการวิชาการทางการแพทย์ของไทย เพราะได้กำหนดมาตรการมาหลายรอบแล้ว ประเทศไทยสามารถควบคุมการติดเชื้อ การเจ็บป่วย หรือเสียชีวิตได้ดีกว่าประเทศอื่นๆ ซึ่งระบบสาธารณสุขของไทยไม่ได้เป็นรองใคร
เพราะฉะนั้นเราจะไปเทียบกับประเทศอื่นๆ ที่ติดเชื้อมากกว่า เสียชีวิตมากกว่า เราจะไปเทียบกับคนที่ด้อยกว่าทำไม อย่างไรก็ตาม พื้นฐานของสายพันธุ์ไม่ต่างกัน วัคซีนที่มีในไทยยังสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ ขอให้คนไทยไปรับวัคซีนเข็มบูสเตอร์เพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน ก็จะยิ่งให้คนต่างชาติได้ท่องเที่ยวในเมืองไทย ใช้บริการต่างๆ ในเมืองไทยได้
สำหรับการรับมือถ้าประเทศจีนเปิดประเทศในวันที่ 8 มกราคมนี้นั้น อนุทินกล่าวว่า เขาไม่ได้แห่กันมาไทยตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม แต่คาดการณ์ว่าเดือนมกราคมคนจีนจะมาไทย 40,000 คน เดือนกุมภาพันธ์จะมา 50,000 คน และไม่ได้อนุญาตให้มาแบบหมู่คณะใหญ่ ส่วนใหญ่จะไม่ได้มาแบบกลุ่มทัวร์
“อย่างไรก็ตาม ผมได้รับทราบมาว่าประเทศจีนได้ออกกฎใหม่ว่า คนที่จะเดินทางเข้าประเทศจีนต้องตรวจเชื้อแบบ PCR ซึ่งหนักกว่าไทย ซึ่งถ้ามองด้านรายได้ ประเทศไทยก็สามารถให้บริการทางด้านการตรวจแบบ PCR สร้างรายได้ให้กับประเทศเพิ่มมากขึ้น ซึ่งคนที่จะไปจะมาก็ต้องมีความระมัดระวัง” อนุทินกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามเพิ่มเติมว่า จะการันตีได้หรือไม่ว่าการระบาดโควิดในประเทศไทยจะไม่มีความรุนแรงมากกว่านี้ อนุทินกล่าวว่า ไม่มีอะไรการันตีได้ เพียงแต่ว่าเราผ่านจุดนั้นมาแล้ว ซึ่งการันตีได้ว่าจะไม่มีการล็อกดาวน์ หากใครเจ็บป่วย ถ้าใครฉีดวัคซีนเกิน 4 เข็ม ไม่มีโรคประจำตัว ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม 608 ก็จะไม่เกิดความรุนแรง อาการหนัก หรือเสียชีวิต การันตีได้ว่ามียา เวชภัณฑ์ และหมอเพียงพอต่อการรักษา