วันนี้ (11 กันยายน) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมติดตามสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ว่าตอนนี้ปริมาณน้ำในแม่น้ำกกค่อนข้างเชี่ยว และน้ำเหล่านี้จะเคลื่อนตัวไปที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งจังหวัดเชียงรายสุ่มเสี่ยงที่จะได้รับน้ำเกินปริมาณ ที่ไม่ใช่เรื่องน้ำฝนอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องของน้ำหลากที่มาจากป่า จากแม่น้ำ และมาจากฝนตกด้วย
ส่วนเรื่องการช่วยเหลือประชาชนนั้น อนุทินกล่าวว่า ตนได้เน้นย้ำให้คำนึงถึงความปลอดภัยและการช่วยเหลืออย่างเต็มที่ในการปกป้องชีวิตของราษฎรเป็นลำดับแรก ไม่ว่าจะดินถล่มหรือติดอยู่ในภัยอันตราย ต้องระดมทุกสรรพกำลังเข้าไปช่วยเหลือ รวมถึงด้านอาหารที่พักพิงเราจัดไว้อยู่แล้ว ตลอดจนถุงยังชีพ
นอกจากนี้ตนได้แจ้งผู้ว่าราชการจังหวัด ว่าหากมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณเพิ่มจากงบประมาณฉุกเฉินก็ให้เร่งดำเนินการเข้ามา และส่วนกลางมีการส่งรถไฟฟ้าส่องสว่าง รถประปา รถอุปโภคบริโภค รถประกอบอาหาร เรือท้องแบนเพื่อไปช่วยเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัย รวมถึงเฮลิคอปเตอร์ของ ปภ. ที่จะนำอุปกรณ์ความช่วยเหลือต่างๆ เข้าไปในพื้นที่ แต่ตอนนี้สิ่งที่เราต้องกังวล คือการรองรับปริมาณของน้ำที่ยังมีจำนวนมาก
นอกจากนี้สิ่งที่น่าชมเชย เช่น อำเภอแม่สายที่มีน้ำท่วมเป็นจำนวนมาก พี่น้องราษฎรประสบภัยต้องออกจากบ้านเรือนของตัวเอง ซึ่งทางจังหวัดได้รับความร่วมมือจากผู้ประกอบการโรงแรมเปิดห้องพักเป็นที่พักพิงของผู้ประสบอุทกภัย ทั้งนี้ หากมีจำนวนมากและต้องอยู่นาน ตนในนามกระทรวงมหาดไทยจะต้องให้ที่พักพิงแก่ผู้ประสบภัย หรือต้องหาวิถีทางช่วยค่าใช้จ่ายเยียวยาผู้ที่มีเจตนารมณ์ที่ดีแบบนี้
อนุทินยอมรับว่า ได้สั่งการในพื้นที่จังหวัดเชียงรายให้ตัดไฟ 35 จุด เพราะไฟกับน้ำอยู่ด้วยกันไม่ได้ หากน้ำเพิ่มปริมาณฉับพลัน ถ้าไม่เร่งตัดไฟจะเกิดอันตรายที่ไม่คาดคิด โดยน้ำเป็นสื่อนำไฟฟ้าที่มีความรุนแรง ตนจึงได้สั่งการ หากมีความจำเป็นต้องเร่งตัดไฟไว้ก่อน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการช่วยเหลือค่อนข้างล่าช้า อนุทินกล่าวว่า ตอนนี้ในพื้นที่เหล่านี้ประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยอยู่แล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดและทุกคนทราบดี ซึ่งมีแผนเผชิญเหตุอยู่แล้ว และทุกคนก็ระดมความช่วยเหลือลงไป ทั้งกองทัพ สาธารณสุข และองค์กรต่างๆ และเวลาเกิดปัญหาอุทกภัยผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้สั่งการสูงสุดโดยกฎหมาย ซึ่งหากมีความช่วยเหลือใดที่ไม่เพียงพอท่านก็สามารถร้องขอมาได้ ซึ่งเราจะเร่งอนุมัติให้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลายคนตั้งคำถามถึงระบบการแจ้งเตือน ที่อยากให้ส่งเข้าโทรศัพท์มือถือ อนุทินกล่าวว่า เรามีระบบแจ้งเตือนอยู่ในระดับที่ดีอยู่แล้ว แต่บางทีภัยก็มาเร็วเกินคาดคิด หรือผู้คนยังมั่นใจว่าจะรักษาและควบคุมสถานการณ์ได้ ซึ่งไม่มีใครอยากออกจากบ้านตัวเองจนกว่าสถานการณ์จะไม่ไหว จึงตัดสินใจหาที่อื่นอยู่ ในอนาคตอาจจะต้องจัดทีมกู้ภัยอาสาสมัครลงในพื้นที่หากมีการแจ้งเตือน เพื่อดูว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร และหากสถานการณ์ไม่ดีก็คงจะต้องอุ้มออกมาหรือสั่งอพยพล่วงหน้า
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงคนที่ติดค้างอยู่ในบ้านและยังไม่ได้รับการช่วยเหลือ อนุทินกล่าวว่า ตอนนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังเร่งระดมสรรพกำลังเพื่อเข้าไปช่วยเหลือ