×

อนุทินท้าเปิดชื่อ-นามสกุล ‘นักการเมือง ช.’ หากมีหลักฐานยื่นตรงมาที่ ผบ.ตร.-รัฐบาล ได้ทันที

โดย THE STANDARD TEAM
06.11.2025
  • LOADING...
อนุทินท้าเปิดชื่อ-นามสกุล ‘นักการเมือง ช.’ หากมีหลักฐานยื่นตรงมาที่ ผบ.ตร.-รัฐบาล ได้ทันที

วันนี้ (6 พฤศจิกายน) อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวภายหลังการลงนาม MOU ร่วมกับ 15 องค์กร ในการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยระบุว่า ทุกหน่วยงานได้ดำเนินการอย่างเต็มที่อยู่แล้ว แต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี จึงต้องปรับเปลี่ยนวิธีการได้ตลอดเวลา

 

อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่ดำเนินงานได้อย่างประสบความสำเร็จ ไม่สามารถออกมาบอกวิธีการดำเนินงานได้ ว่าทำเมื่อไหร่ ทำกับใคร ทำที่ไหน เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับงานด้านการข่าว และต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกหน่วยงานในการสำรวจเส้นทางทางการเงิน และการใช้เทคโนโลยีในการดักการกระทำความผิดทั้งหลาย แต่เมื่อถึงเวลาก็จะมาสรุปให้กับผู้บังคับบัญชาว่าทำอะไรไปบ้าง

 

อนุทินกล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้เคยแจ้งกับผู้สื่อข่าวไปแล้วว่า การที่ไม่ได้ทำอะไรเลยเป็นไปไม่ได้ ทรัพย์สินที่ยึดมาหลักหลายหมื่นล้าน รวมถึงการดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดที่เป็นชาวต่างชาติ ทั้งการเพิกถอนวีซ่า เพิกถอนที่พำนัก ซึ่งเราทำไปหมดทุกอย่างแล้ว วันนี้เพื่อให้พี่น้องประชาชนเกิดความมั่นใจ เราจึงลงนาม MOU อีกครั้ง

 

นายกรัฐมนตรีย้ำว่า ทุกหน่วยงานได้ร่วมมือกันทำงานอยู่แล้ว แต่วันนี้มีความเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น เพราะนำหน่วยงานที่เป็นผู้สนับสนุนมาลงนามด้วย เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย, สมาคมธนาคารไทย, สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และ คณะกรรมการกิจการการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) ล้วนเป็นฝ่ายสนับสนุนที่จะไปปราบปราม และการสอบสวนให้มีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น

 

ส่วนที่มีฝ่ายค้านออกมาแฉว่า มี ‘นักการเมือง ช.’ และ 7 นักการเมืองเอี่ยวสแกมเมอร์ นายกรัฐมนตรีได้รับข้อมูลเชิงลึกหรือไม่นั้น อนุทินยืนยันอีกว่า เราดำเนินการตามการข่าว ทำตามพฤติกรรม และหน้าที่ที่เรามีอยู่ ซึ่งมีทั้งหาข่าวเอง และคนมาแจ้งความ โดยสิ่งที่ประสานงานกับนานาชาติ เพื่อป้องกันและปราบปราม เราไม่ได้ทำตามเสียงลือเสียงเล่าอ้างจากที่ไหนมา เพราะเราก็มีหลักการในการทำงานอยู่ ซึ่งพิสูจน์ได้จากการสรุปผลงาน และการปราบปรามสแกมเมอร์ จะวัดประสิทธิภาพจากการทำงานได้จากการที่ยึดทรัพย์มา และการดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการเนรเทศบุคคลออกจากประเทศไทยของเรา

 

อนุทินระบุว่า โดยในตอนนี้มีกระทรวงการคลังเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ MOU แล้ว และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางการเงิน ซึ่งแต่ละหน่วยงานก็มีความชัดเจนในความร่วมมือ ซึ่งจะมีการบอกจำนวนบัญชีม้า ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และก่อให้เกิดประสิทธิผลในการทำงานร่วมกัน

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีการเปิดเผยว่าตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้องรับเงินสแกมเมอร์ จะตรวจสอบอย่างไร อนุทินถามกลับว่า “มีใครใหญ่กว่าบิ๊กต่าย (พล.ต.อ. กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ) หรือไม่ มีไหมล่ะ ณ วันนี้ หากไม่มี ผมก็ไม่กังวลอะไร”

 

ส่วนการที่ ผบ.ตร. พูดบนเวทีในลักษณะตัดพ้อว่า องค์กรตำรวจถูกเพ่งเล็ง และคนที่พูดก็ไม่ได้อยู่ในองค์กรตำรวจนั้น อนุทินระบุว่า อย่าไปลงรายละเอียด พร้อมชี้ไปที่ ผบ.ตร. ที่ยืนอยู่ด้านหลังแต่ละคน และกล่าวว่า “หากได้รับการสนับสนุน ไฟเขียว แรงยุ จาก ‘Small หนู’ ผมก็เชื่อว่า ท่านทำงานให้รัฐบาล สิ่งที่ท่านทำไม่ได้ทำให้ผม แต่ทำให้พี่น้องประชาชน”

 

นายกรัฐมนตรียืนยันว่า ใครที่ต้องการการสนับสนุนจากรัฐบาลในการปราบปรามเรื่องเหล่านี้ ขอแค่เพียงเอ่ยมา ตนเองมีหน้าที่บันดาลทุกอย่างเพื่อให้หน่วยงานที่ท่านกำกับดูแลไปดำเนินการป้องกันและปราบปรามอย่างเฉียบขาด ไม่มีหน้าอินทร์หน้าพรหมที่ไหน

 

“ไปดูสิคนที่ผมถอนสัญชาติไป เป็นใคร ใครกล้ากับผมไหม ใหญ่ไหม แล้วทำไมถึงเคลียร์กับผมไม่ได้ และมีใครที่ให้ความร่วมมือไหม ก็ไม่มีเลย ซึ่งการที่มีคนวิพากษ์วิจารณ์เราก็มีวิธีการทำงานอยู่แล้ว” อนุทินกล่าว

 

ส่วนที่ยังมีข้อครหา ว่าบุคคลในรัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องกับสแกมเมอร์ อย่าง นักการเมือง ช. นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ไหนละครับ เอ่ยชื่อมาสิครับ”

 

สื่อมวลชนถามย้ำว่า อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ไปยื่นหนังสือให้กับฝ่ายค้าน ให้ตรวจสอบเส้นเงินของนักการเมือง ช.นั้น อนุทินชี้ไปที่ ไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และพูดว่า “นี่ก็ ช. เกี่ยวไหมล่ะ หลานผม ซึ่งคนที่พูดขอให้เอ่ยชื่อมาเลย ไหนๆ ก็จะทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติแล้ว เดี๋ยว ผบ.ตร.รับรองความปลอดภัยให้ และผมจะไปขอผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ด้วย ว่ามาเอ่ยชื่อแล้วจะรับรองความปลอดภัยให้อย่างเต็มที่ เพราะเมื่อบอกชื่อย่อ มันไม่พอ ต้องขอชื่อนามสกุลจริง และไม่ต้องไปบอกทีวี มาบอกตนหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง พวกเรามีจรรยาบรรณอยู่แล้ว ในการรักษาความลับให้กับพวกท่าน และผมก็เชื่อว่าทุกคนที่อยู่ตรงนี้ มืออาชีพอย่างน้อยเรามีความเป็นมืออาชีพพอ ที่จะดำเนินการในสิ่งที่ถูกต้อง และปกป้องคนที่ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับทางราชการ”

 

สื่อข่าวถามต่ออีกว่า ตอนนี้มีการเปิดเผยชื่อมาแล้ว เหลือแค่รัฐบาลดำเนินการ อนุทินตอบกลับทันทีว่า เอ่ยชื่อแล้ว ต้องมีหลักฐานด้วย ก็ขอให้เอาหลักฐานมาให้ที่ ผบ.ตร. อย่าไปผิดซอย หรือมาให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมขอให้กลับไปถามคนที่ยื่นว่า ทำไมไม่มาส่งให้กับ ผบ.ตร.

 

“ถามอย่างนี้ไปเพื่อประโยชน์อะไรครับ ผมบอกแล้ว รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีก็รับเรื่องได้ อธิบดี DSI ก็สายตรง ทั้งฟอกเงิน อั้งยี่ซ่องโจร หรือจะไป ปปง. ก็ได้ ไม่ต้องไปยื่นที่ประธานกรรมาธิการครับ เพราะเขาจะต้องสอบสวนครับ เสียเวลา มาตรงนี้เลยครับ” นายกรัฐมนตรีกล่างทิ้งท้าย

  • LOADING...

READ MORE






Latest Stories

Close Advertising