วันนี้ (7 มิถุนายน) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เตรียมเดินทางลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีในวันพรุ่งนี้ (8 มิถุนายน) เพื่อติดตามความเรียบร้อยและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนที่จะเรียกประชุมผู้ว่าราชการจังหวัด 7 จังหวัดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในวันพุธที่ 11 มิถุนายนนี้ ที่จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อหารือแนวทางการสนับสนุนกำลังพลและดูแลพี่น้องประชาชนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด
อนุทินกล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ที่กรุงเจนีวา ได้มีการประชุมติดตามสถานการณ์กับปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมการปกครอง และผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมความพร้อมของฝ่ายปกครองในการสนับสนุนกำลังพลในแนวหลัง สร้างความมั่นคงและความมั่นใจให้กับประชาชน โดยได้เตรียมพร้อมศูนย์พักพิง โรงพยาบาลสนาม อาหาร และจัดชุด ชรบ. (ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน) และ อส. (อาสารักษาดินแดน) เข้าไปดูแลบ้านเรือนและชุมชนของพี่น้องประชาชนตามแนวชายแดนทั้ง 7 จังหวัดอย่างเต็มที่
อนุทินระบุว่า จากการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน บทสรุปคือการตัดสินใจเรื่องยุทธศาสตร์เป็นเรื่องของกองทัพ หากกองทัพต้องการการสนับสนุนใดๆ เช่น การปิดด่านหรือปิดชายแดน ผู้ว่าราชการจังหวัดก็พร้อมที่จะดำเนินการตามการตัดสินใจของผู้มีอำนาจ
เมื่อถามถึงขวัญกำลังใจของประชาชนในพื้นที่ อนุทินชี้แจงว่า ระยะทางพื้นที่ยังห่างจากชายแดนหลายสิบกิโลเมตร ทางฝ่ายปกครองได้จัดชุดลงพื้นที่เฝ้าระวัง และขอให้ประชาชนงดการเข้าป่าในช่วงนี้ จะมีเจ้าหน้าที่คอยลาดตระเวนดูแลในส่วนแนวหลังเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด เนื่องจากยังไม่มีกรณีลอบทำร้ายกันระหว่างสองฝั่งหรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ประชาชนยังคงใช้ชีวิตเป็นปกติ ซึ่งเป็นที่น่าพอใจ โดยฝ่ายปกครองจะไม่รบกวนกำลังของทหารที่ต้องดูแลการคุกคามของฝ่ายตรงข้ามตามแนวชายแดน ซึ่งในส่วนนี้ทาง อส. ชรบ. นายอำเภอ และปลัดอำเภอ จะคอยตรึงแนวหลังเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย
อนุทินยังกล่าวถึงกรณีที่กระทรวงมหาดไทยและพรรคภูมิใจไทยเปลี่ยนโปรไฟล์ติดแฮชแท็ก ‘ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด’ ว่าเป็นการให้กำลังใจกองทัพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรทำ และย้ำว่า สถานการณ์ยังห่างไกลจากการรัฐประหารมาก และเชื่อว่าความพยายามที่จะเจรจายุติความขัดแย้งยังคงดำเนินอยู่ ประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์ที่ชัดเจนว่ายังคงเชื่อมั่นในการใช้การเจรจาตามหลักสากลเพื่อยุติข้อขัดแย้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องให้กำลังใจ