วันนี้ (19 มิถุนายน) อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ของไทย ระบุว่าขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากแล้วจากทั้งด้านของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และภาคเอกชน หรือไบโอเน็ต-เอเชีย ที่ภาพรวมอยู่ในขั้นตอนการทดลองในหนู ซึ่งเมื่อวานนี้ (18 มิถุนายน) ได้รับรายงานจากอธิบดีกรมการแพทย์ว่าผลการทดลองเป็นไปด้วยดี มีภูมิต้านทานในสัตว์ทดลอง
โดยหลังจากนี้จะมีการทดลองในลิงและทดลองในคน ทุกอย่างมีลำดับขั้นตอน และกว่าจะทดลองในคนก็ต้องผ่านมาตรฐานความปลอดภัย แต่น่าจะเริ่มได้ใน 3-4 เดือนนับจากนี้ ทางกระทรวงสาธารณสุขสนับสนุนงบจำนวน 3,000 ล้านบาทมาใช้ในการโครงการวิจัยหาวัคซีน และมั่นใจว่าคนไทยจะทำสำเร็จ มองว่าเรื่องวัคซีน เราควรหาทางพึ่งพาตัวเองให้ได้มากที่สุด เพื่ออำนวยความสะดวกแก่คนไทย และไม่ต้องไปต่อคิวรอซื้อจากต่างชาติ ซึ่งต้องลุ้นว่าจะได้รับเมื่อไร เพียงพอหรือไม่
“ส่วนตัวผมมีความมั่นใจในการเป็นอาสาสมัครทดลองรับวัคซีน เพราะติดตามความคืบหน้ามาตลอด มีความมั่นใจ แต่จะได้รับเลือกให้ร่วมรับวัคซีนทดลองหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของทีมผู้เชี่ยวชาญ”
ส่วนเรื่อง Travel Bubble อนุทินกล่าวว่าได้เชิญ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค ให้พูดคุยกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ถึงเงื่อนไขการเดินทางเข้าออกระหว่างสองประเทศ เช่น ผู้ที่เข้ามาได้ต้องไม่ใช่นักท่องเที่ยว อาจจะต้องเป็นนักธุรกิจ เป็นครูโรงเรียนนานาชาติ หรือเป็นผู้ที่ต้องเข้ามาใช้บริการทางการแพทย์ จะไม่ยอมให้เกิดการแฝงตัวเข้ามา
โดยทุกคนที่มีความประสงค์จะเดินทางผ่านมาตรการ Travel Bubble ต้องมีประกันสุขภาพ Fit to Fly รวมไปถึงต้องพิจารณารูปแบบการคัดกรองอื่นๆ เมื่อเข้ามาแล้วต้องแจ้งจำนวนวันและสถานที่ที่จะเดินทางไป ต้องรายงานตัว และต้องตามตัวได้ กรณีค่าใช้จ่ายในการคัดกรองและรวมไปถึงการรักษาจะจัดการอย่างไร แนวทางทั้งหมดต้องเสนอนายกรัฐมนตรีและศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) เพื่อให้พิจารณา ซึ่งทุกรูปแบบที่เกิดขึ้นต้องอยู่บนพื้นฐานความปลอดภัยของคนไทย
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์