วันนี้ (11 กันยายน) ที่อาคารอิมแพ็ค เมืองทองธานี จังหวัดนนทบุรี ที่การประชุมติดตามความก้าวหน้าการวิจัยพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ของประเทศไทย และแผนการสนับสนุน ซึ่งมีทีมผู้ผลิตวัคซีนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม
ภายในงาน อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ยังยืนยันเป้าหมายเดิมที่คนไทยต้องได้รับวัคซีนเป็นกลุ่มประเทศแรกของโลก ซึ่งได้มอบหมายให้สถาบันวัคซีนไปดูแลภารกิจข้างต้นแล้ว โดย ครม. อนุมัติงบเบื้องต้นมาให้ 1 พันล้านบาท เพื่อดำเนินการ ที่ผ่านมามีการหารือกับทีมผู้ผลิตทั้งในไทยและต่างประเทศ ทีมที่ได้รับความน่าเชื่อถือ มีประสิทธิภาพในการผลิต ประเทศไทยได้หารือมาหมดแล้ว บางทีมได้ทำ MOU ร่วมกัน ทางไทยจำเป็นต้องกระจายโอกาสเข้าถึงวัคซีน จะไปยึดติดกับทีมใดทีมหนึ่งไม่ได้
ในกรณีที่ทาง AstraZeneca พบปัญหาระหว่างทดลอง และได้ระงับการทดลอง ทางไทยได้รับแจ้งแล้วว่า ทางนั้นจำเป็นต้องหาสาเหตุและแนวทางแก้ไข เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นกระทบต่อสุขภาพของผู้ได้รับวัคซีน ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติที่ถูกต้อง
แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่กระทบกับทางไทย เพราะเราร่วมมือในเรื่องของการถ่ายทอดเทคโนโลยีหลังจากที่พัฒนาวัคซีนเสร็จสมบูรณ์ มีความปลอดภัย 100% มีประสิทธิภาพ ก็ต้องส่งมอบเทคโนโลยีให้ไทย และต้องอนุญาตให้ไทยผลิตวัคซีนในประเทศได้
เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการตรวจหาโควิด-19 จากเคสดีเจ อนุทินกล่าวว่า ทุกอย่างทำไปตามหลักการ แต่ขอย้ำว่า ระบบควบคุมโรคของไทยยังมีประสิทธิภาพสูง ได้ไล่ตรวจผู้มีความเสี่ยงสูง กลาง ต่ำ อย่างรวดเร็ว การพบผู้ติดเชื้อในประเทศเป็นเรื่องต้องให้ความสำคัญ แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องกลับไปล็อกดาวน์ ปิดบ้าน ปิดเมือง จนกระทบประชาชนจำนวนมหาศาล ประเทศไทยมีประสบการณ์และมีแนวทางจัดการที่เหมาะสม ทั้งนี้ ประชาชนเป็นกลไกสำคัญในการควบคุมโรค ขอให้สวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง และล้างมือ เพื่อป้องกันการระบาด
พิสูจน์อักษร: ภาวิกา ขันติศรีสกุล