วันนี้ (14 พฤษภาคม) น.อ. อนุดิษฐ์ นาครทรรพ อดีต สส. กทม. อดีตเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศฯ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวชี้แจงกรณีตนเองและ การุณ โหสกุล อดีต สส. กทม. ลาออกจากสมาชิกพรรคไทยสร้างไทยร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม ที่มี ศ. ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นหัวหน้าพรรคกล้าธรรม และ ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า สส. พะเยา เขต 1 ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม
น.อ. อนุดิษฐ์ ระบุว่า ก่อนอื่นต้องขออภัยที่อาจจะไม่ได้รับสาย หรือยังไม่สามารถตอบข้อความแชต หรือติดต่อกลับพี่น้องทุกๆ ท่านได้ ทั้งด้วยมารยาททางการเมือง และเพื่อให้ทุกอย่างตกผลึกมีความชัดเจน โดยไม่ต้องการขยายความให้เกิดความสับสน ทุกท่านคงได้เห็นข่าวที่ระบุว่า ตนเองและการุณจะไปร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม และการให้สัมภาษณ์จาก ไผ่ ลิกค์ เลขาธิการพรรคกล้าธรรม ที่ออกมายืนยันกระแสข่าวว่าเป็นความจริง ทั้งยังให้เกียรติ พี่การุณ-พี่ป๊อป ในทุกถ้อยคำที่กล่าวถึง
ตนเองขอใช้พื้นที่นี้เล่าที่มาที่ไปของเรื่องนี้ที่ดูเหมือนจะเป็นข่าวที่ได้รับความสนใจในวงกว้างข่าวหนึ่งในวันนี้ แล้วทำให้คนว่างงาน 2 คน รู้สึกเหมือนได้กลับมาเป็น ‘หนุ่มฮอต’ อีกครั้ง อย่างที่ทราบกันครับ ตนเอง การุณ และไผ่ มีความสนิทสนมคุ้นเคยกันมานาน ทั้งในแง่ความสัมพันธ์ส่วนตัว และในการทำงานการเมือง ตั้งแต่พรรคเพื่อไทย มีโอกาสได้พบปะพูดคุยกัน ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบกันตลอด
น.อ. อนุดิษฐ์ยอมรับว่า ไผ่ได้ชักชวนให้ไปร่วมงานกับพรรคกล้าธรรมจริง โดยก่อนจะเอ่ยปากชวนนั้นก็ได้ถามถึง Passion แรงผลักดัน ในการทำงานทางการเมือง และโอกาสที่จะมาร่วมงานกัน ซึ่งทั้งตนเองและการุณก็ยืนยันว่ายังมีความมุ่งมั่นตั้งใจเช่นเดิม หรือมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ รอเพียงจังหวะเวลาที่เหมาะสม
ก่อนหน้านี้ตนเองและการุณได้พูดคุยทำความเข้าใจกับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ที่เป็นทั้งพี่สาว และคุณแม่ผู้หยิบยื่นโอกาสในการทำงานการเมืองให้เราทั้งคู่ เพื่อขอยุติบทบาทการทำหน้าที่กรรมการบริหารพรรคไทยสร้างไทยมาเป็นเวลาปีเศษแล้ว เหลือแต่การคงสมาชิกภาพไว้เท่านั้น
ปีเศษที่ผ่านมาเป็นช่วงที่เราทั้ง 2 คนได้ทบทวน และหารือวางแนวทางการทำงานการเมืองให้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบันและอนาคต จึงไม่เห็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองของพวกเราเลย แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นถึงขณะนี้เราก็ยังไม่ได้เข้าสังกัดพรรคกล้าธรรม หรือพรรคการเมืองอื่นแต่อย่างใด
“หลายคนคงอยากว่า คุณอนุดิษฐ์ คุณการุณ ทำงานการเมืองมาตั้งนาน เป็น สส. ตั้งหลายสมัย รัฐมนตรีก็เป็นมาแล้ว คิดอย่างไรจะไปอยู่กับพรรคการเมืองใหม่เพิ่งตั้งมาไม่กี่เดือน ชื่อก็ยังไม่คุ้น ตั้งมาเฉพาะกิจหรือเปล่าก็ไม่รู้ ขออนุญาตพูดคุยอย่างตรงไปตรงมากับทุกคนไปพร้อมกับตนเองจะได้เข้าใจตรงกัน”
“ตลอดระยะเวลากว่า 20 ปีที่ผ่านมา ในฐานะนักการเมือง ตนเองทำงานด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะรับใช้ประชาชน และมีส่วนร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศชาติ เช่นเดียวกับ 2 ปีที่ผ่านมาที่แม้ส่วนตัวจะไม่มีโอกาสเข้าไปทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรในสภาอย่างที่ตั้งใจ ก็ยังมีพี่น้องประชาชนแวะเวียนมาเยี่ยมเยือน บ้างก็มาทักทาย บ้างก็มาหารือ”
แต่ส่วนใหญ่มักปัญหาความเดือดร้อนมาเล่าสู่เพื่อช่วยกันหาทางแก้ไขโดยตลอด ในแง่ปริมาณอาจจะมากกว่าช่วงที่มีตำแหน่งทางการเมืองด้วยซ้ำ ซึ่งตนเองก็พยายามแสวงหาหนทางในการบรรเทาแก้ไขทุกๆ ปัญหา ให้กับพ่อแม่พี่น้องอย่างสุดความสามารถ
ทั้งนี้ ขอยืนยันอีกครั้งว่า การตัดสินใจหันหลังจากชีวิตราชการในกองทัพอากาศ อาสาเข้ามาทำงานการเมืองเมื่อราว 20 ปีก่อนนั้น ไม่ได้เพราะอำนาจ-อิทธิพล-ลาภยศ แต่หวังจะมาเป็นที่พึ่งพิงยามที่พ่อแม่พี่ป้าน้าอาทุกข์ยากเดือดร้อน
ทว่าด้วยสถานะทางการเมืองปัจจุบัน ก็ทำให้ตนเองต้องเผชิญ ‘ความจริงที่เจ็บปวด’ เมื่อการประสานงานขอความร่วมมือ โดยเฉพาะกับหน่วยงานรัฐดูจะติดขัด มีข้อจำกัด ไม่ว่าเรื่องใหญ่-เล็ก ทั้งที่สมัยมีตำแหน่ง สส. ทุกอย่างดูราบรื่นไปเสียหมด
ตรงนี้เองที่ไผ่ ซึ่งวันนี้กลายเป็นนักการเมืองมากประสบการณ์ไปแล้ว ยกขึ้นมาพูดคุยกับตนเองและการุณ โดยอวดแนวทางการทำงานของพรรคกล้าธรรม ที่ ศ. ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าพรรค และผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่า สส. พะเยา ประธานที่ปรึกษาพรรค วางไว้เป็นหลักปฏิบัติในเรื่องที่เป็นความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนว่า ไม่มีเขา ไม่มีเรา ไม่มีรัฐบาล ไม่มีฝ่ายค้าน มีแต่หน้าที่ของผู้แทนราษฎร หน้าที่ของฝ่ายการเมือง ที่ต้องร่วมกันทำงาน มีประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง และผลสัมฤทธิ์เพื่อส่วนรวม
ยังไม่ทันจบหัวข้อสนทนา ตนเองกับการุณเหมือนโดนยิงตรงเป้าเข้าใจดำ ยอมรับว่าเราทั้งคู่โดนน้องชายจากเมืองกำแพงตกไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่เรื่องแบบนี้ก็ไม่ใช่แค่เราพี่น้อง 3 คนมานั่งเออออตกลงกันเอง ต้องดูท่าทีถามใจ ‘เจ้าบ้าน’ เขาด้วย
ส่วนตัวตนเองรู้จักและติดตามการทำงานของ ศ. ดร.นฤมล ตั้งแต่สมัยสภาที่แล้ว รู้สึกถึงความตั้งใจในการทำงาน ตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟังการอภิปรายด้วยน้ำเสียงฉะฉานน่าฟัง ใช้เวลากับเหตุผลสาระความรู้ ไม่ตีฝีปากยกโวหารให้เสียขบวน จนยากจะเชื่อว่าเป็น สส. สมัยแรก และรู้ได้ทันทีว่าเมืองไทยได้นักการเมืองหญิงคุณภาพมาประดับวงการอีกคนแล้ว ด้วยความรู้ความสามารถที่มาพร้อมจิตวิญญาณนักสู้ หลังทำหน้าที่ สส. ไม่นาน ศ. ดร.นฤมล ก็โดดไปโลดแล่นในฝ่ายบริหาร เติบโตบนเส้นทางการเมืองอย่างรวดเร็วอย่างที่เราเห็นกัน
ส่วนผู้กองธรรมนัสก่อนจะมาเป็นนักการเมืองคนดังแห่งยุค เราเคยกระทบไหล่กันสมัยเป็นนักเรียนเตรียมทหารที่รุ่นใกล้ๆ กัน และหลายปีต่อมาก็กลับมาอยู่ใต้ชายคาเดียวกันอีกครั้งที่พรรคเพื่อไทย ยุครัฐบาลนายกฯ ยิ่งลักษณ์
หลังเลือกตั้งปี 2562 ซึ่งตนเองได้รับเลือกเป็น สส. กทม. เขตสายไหม และมีตำแหน่งเป็นเลขาธิการพรรคเพื่อไทยที่ทำหน้าที่ฝ่ายค้านสมัยนั้น ก็มักได้ยินกิตติศัพท์และได้เห็นความมีน้ำใจของผู้กองธรรมนัส รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขณะนั้น รับผิดชอบขับเคลื่อนนโยบายแก้ปัญหาปากท้อง ที่ดินทำกินที่มีความก้าวหน้ามากๆ เหตุเพราะไม่เลือกปฏิบัติ ไม่สนว่าเป็นพื้นที่ของพรรคไหน ฝ่ายค้านหรือรัฐบาล รวมถึงการประสานความร่วมมือต่างๆ ที่แม้จะอยู่คนละพรรค คนละฝ่าย ก็ตาม
หากตนเองตัดสินใจร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม ก็คงเป็นพันธุกรรม-บุคลิก การทำงานถึงลูกถึงคน น้ำใจกว้างขวาง ไม่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ที่รับถ่ายทอดมาจาก หัวหน้าพรรค-ประธานที่ปรึกษา ผสมผสานกันเป็นตัวตนที่แตกต่าง-ชัดเจน ยากจะเลียนแบบ
ท้ายที่สุดไม่ว่าพรรคกล้าธรรมจะมีตนเองและการุณร่วมเดินทางไปด้วยหรือไม่ก็ตาม ก็เชื่อแน่ว่าอีกไม่นานพรรคการเมืองน้องใหม่พรรคนี้จะกลายเป็นตัวแปรสำคัญของการเมืองไทย ตลอดจนมีศักยภาพเป็นกำลังสำคัญขับเคลื่อนประเทศชาติไปข้างหน้า สร้างโอกาสและอนาคตที่ดีให้กับประชาชนได้อย่างแน่นอน
“ตนเองขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้ความสนใจและสอบถามกันมาในทุกช่อง ตนเองเป็นคนตรงไปตรงมาครับ เพราะฉะนั้นหากมีความคืบหน้าในการตัดสินใจเดินหน้าการเมืองของตนเอง ตนเองจะขอใช้ช่องทางนี้ในการชี้แจงให้กับพี่น้องประชาชนได้ทราบต่อไป”
อ้างอิง:
