วันนี้ (12 ตุลาคม) อนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีพระมหาสมปอง ตาลปุตฺโต ออกมาระบุว่าถูกบางหน่วยงานจ้องจับสึกว่า ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ไม่ได้ทราบเรื่องนี้และไม่ได้อยู่ในอำนาจ พศ. แต่เป็นเรื่องของพระสงฆ์ ตาม พ.ร.บ.สงฆ์ ถ้าหากมีอะไรก็ต้องมีการทำความผิด และทางพระผู้ปกครองจะเป็นผู้พิจารณาเพียงอย่างเดียว ไม่มีอย่างอื่น ซึ่งสิ่งนี้คิดว่าเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนและทำให้สังคมแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ตนในฐานะที่ดูแล พศ. ก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องสำคัญและเป็นเสาหลักของชาติ ซึ่งเรื่องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์เป็นเรื่องสำคัญที่ประชาชนคนไทยต้องปกป้องและดูแลด้วยข้อเท็จจริง ไม่ใช่สังคมแบ่งเป็นฝักเป็นฝ่ายหรือเป็นกระแสเกิดขึ้นกับเรื่องพระสงฆ์และศาสนา
ส่วนตัวคิดว่าอาจจะเลยเถิดไป จึงอยากวิงวอนให้ประชาชนได้เล็งเห็นว่าเสาหลักของชาติบ้านเมืองที่ทำให้เราอยู่มาได้ตั้งแต่บรรพบุรุษจนถึงยุคของเรา คือชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ เป็นสิ่งที่คนไทยเราต้องปกป้อง ถอดจิตวิญญาณมาช่วยกันดูแล อย่าให้เกิดความแตกแยกเลยในพุทธศาสนาของเรา
ส่วนรูปแบบการเผยแพร่ธรรมะว่า พศ. มีการจำกัดหรือขีดเส้นขอบเขตการเผยแพร่หรือไม่ อนุชากล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในการดูแลของ พศ. แต่เป็นเรื่องของพระสงฆ์ เพราะหลักของพระพุทธเจ้าคือการละซึ่งกิเลสไปสู่การนิพพานสู่ความสงบ เป็นหัวใจหลักของศาสนาพุทธ ดังนั้นอะไรที่คือหลักก็ต้องเดินไปตามนั้น เพราะศาสนาต้องดำรงคงอยู่ชั่วลูกชั่วหลาน จึงขออย่าทิ้งอะไรที่เป็นเรื่องหลัก
เมื่อถามย้ำว่าเรื่องดังกล่าวนี้ใครเป็นผู้กำกับดูแล อนุชากล่าวว่า ทางคณะสงฆ์ พระผู้ปกครอง และมหาเถรสมาคม มีอำนาจเป็นผู้ชี้ขาด โดย พศ. เป็นเพียงฝ่ายเลขาฯ ที่ดูแลเรื่องเอกสารเท่านั้น ดังนั้นพระมหาสมปองต้องดูในสิ่งนี้เป็นหลัก อย่าให้กระทบกระทั่งถึงเสาหลักของเรา ต้องดูเป็นเรื่องๆ ไป อย่าเอาเสาหลักไปรวมในวังวนนั้น
ส่วนกรณีการถอดถอนพระสังฆาธิการจำนวน 3 รูป พ้นจากตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด นายอนุชากล่าวว่า “ก็เป็นแบบนี้แหละ เป็นเรื่องปกติ ที่มีเรื่องสังคมเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เราต้องเชื่อในการปกครองของคณะสงฆ์ที่มี บางครั้งในเรื่องของศาสนาจะไปพูดลึกไม่ได้ พูดเข้าไปถึงในแก่นไม่ได้ในเรื่องของตัวบุคคล เรื่องการกระทำ สิ่งเหล่านี้อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นองค์ประกอบที่เราจะทำนุบำรุงศาสนาของเรา