×

‘กู้กู้กู้กู้’ มงคลกิตติ์ อัดรัฐบาลประยุทธ์ขยันสร้างหนี้ หารายได้ไม่เป็น แก้โควิด-19 ล้มเหลว ทำประเทศเดินไม่ได้

โดย THE STANDARD TEAM
01.06.2021
  • LOADING...
มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์

วันนี้ (1 มิถุนายน) มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พรรคไทยศรีวิไลย์ ลุกขึ้นอภิปรายญัตติร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2565 ว่า ปัจจุบันจะเห็นสภาพการเงินของประเทศไทยมีทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ที่ 8.6 ล้านล้านบาท มีหนี้สาธารณะอยู่ที่ 8.4 ล้านล้านบาท ณ ปัจจุบันรัฐบาลยังได้ออกพระราชกำหนดกู้เงินอีก 5 แสนล้านบาท ประเทศไทยก็จะมีเพดานหนี้เพิ่มสูงขึ้นเป็น 60% ของ GDP โดยสถานะทางการเงินของประเทศไทยในวันนี้ หากนำทุนสำรองระหว่างประเทศมาลบด้วยตราสารหนี้ที่ขายออกไป จะพบว่าประเทศไทยจะติดลบอยู่ที่ 1.141 ล้านล้านบาท 

 

ขณะที่งบประมาณประจำปี 2565 รัฐบาลตั้งประมาณไว้ที่ 3.1 ล้านล้านบาท เป็นงบประมาณขาดดุลจำนวน 7 แสนล้านบาท โดยคาดการณ์ว่าจะสามารถจัดเก็บภาษีได้ประมาณ 2.4 ล้านล้านบาท โดยส่วนตัวมองว่าเป็นไปไม่ได้เลยที่ประเทศไทยจะสามารถจัดเก็บภาษีได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ 

 

นอกจากนี้ ที่ผ่านมารัฐบาลได้ออกประมาณเงินกู้พิเศษจำนวนหลายฉบับ เช่น พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน วงเงิน 1 ล้านล้านบาท / พ.ร.ก. Solf Loan ช่วยเหลือ SMEs วงเงิน 5 แสนล้านบาท / พ.ร.ก. BSF ดูแลตลาดตราสารหนี้ วงเงิน 4 แสนล้านบาท / พ.ร.ก. สินเชื่อฟื้นฟู-พักทรัพย์ พักหนี้ วงเงิน 3.5 แสนล้านบาท และ พ.ร.ก. ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาโควิด-19 ระลอกใหม่ใน 3 ด้าน คือ เพื่อแก้ปัญหาการระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท / เพื่อช่วยเหลือ เยียวยา และชดเชยให้แก่ประชาชนทุกสาขาอาชีพ 3 แสนล้านบาท / และเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม 1.7 แสนล้านบาท 

 

ดังนั้น รัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ใช้เงินปกติไปจำนวน 9.585 ล้านล้านบาท และใช้เงินกู้ไปจำนวน 1.5 ล้านล้านบาท ซึ่งไม่รวม พ.ร.ก. Solf Loan จำนวน 5 แสนล้านบาท ไม่รวม พ.ร.ก. หุ้นกู้ จำนวน 4 แสนล้านบาท และ พ.ร.ก. ให้กู้สำหรับผู้ประกอบการอีก 3.5 แสนล้านบาท โดยเบ็ดเสร็จรัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในปี 2565 คาดว่าจะใช้เงินไปกว่า 11.085 ล้านล้านบาท ซึ่งน่าจะเป็นไปได้ว่าในปลายปี 2564 นี้ รัฐบาลจะขอมติจากสภาผู้แทนราษฎรในการแก้พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 เพื่อขยับเพดานกู้เงินขึ้นไปอีกจาก 60% เป็น 80%

 

เพราะฉะนั้น ตนจึงขอให้ฉายารัฐบาลว่า ‘รัฐบาลชักหน้าไม่ถึงหลัง’ เนื่องจาก 3 ปีงบประมาณที่ผ่านมา รัฐบาลใช้จ่ายเงินไปกว่า 9.585 ล้านล้านบาท โดยมีรายรับเพียงแค่ 7.793 ล้านล้านบาท ส่งผลให้รัฐบาลนี้เป็นรัฐบาลที่ ‘กู้กู้กู้กู้’ 3.292 ล้านล้านบาท 

 

นอกจากนี้ มงคลกิตติ์กล่าวว่า ปัญหาที่สำคัญของประเทศไทยคือมีรายรับไม่พอกับรายจ่าย ที่เกิดจากประเทศมีรายได้จากการท่องเที่ยวที่ลดลงเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเกิดจากที่รัฐบาลไม่สามารถหารายได้จากสิ่งผิดกฎหมายที่เกิดขึ้นในประเทศ เช่น บ่อน สถานบริการ หวยใต้ดิน และเงินทุจริตคอร์รัปชันจากนักการเมือง

 

ดังนั้น รัฐบาลควรที่จะเร่งแก้ปัญหา โดยการเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชนให้ได้ 60-70% ของประชากรทั้งหมด เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ โดยประเทศไทยพลาดการเข้าร่วมที่จะได้รับวัคซีนจากโครงการ COVAX และวัคซีนจาก Pfizer โดยที่ประเทศไทยได้รับวัคซีนล่าช้านั้นล้วนเกิดจากการประมาทของนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข 

 

ขณะเดียวกัน มงคลกิตติ์ยังได้อภิปรายถึงงบประมาณในส่วนของกระทรวงกลาโหมว่า ในปี 2565 กระทรวงกลาโหมได้รับการจัดสรรงบประมาณอยู่ที่ 203,281.97 ล้านบาท ซึ่งลดลงจากปี 2564 อยู่ที่ 11,248,.68 ล้านบาท โดยสำนักปลัดกระทรวงกลาโหมถูกตัดลดงบประมาณอยู่ที่ 448.09 ล้านบาท, กองทัพบกงบประมาณลดลง 6,603.66 ล้านบาท, กองทัพเรือลดลง 1,129.67 ล้านบาท, กองทัพอากาศลดลง 688.89 ล้านบาท และกองบัญชาการกองทัพไทยลดลง 1,948.73 ล้านบาท 

 

โดยงบประมาณประจำปี 2565 ของกองทัพบก แบ่งเป็นงบประมาณรายจ่ายบุคลากร จำนวน 58,891.83 ล้านบาท, งบประมาณรายจ่ายของหน่วยรับงบประมาณ 39,694.97 ล้านบาท และงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ 789.97 ล้านบาท 

 

ที่ผ่านมากองทัพบกไม่มีผลงานอะไรเลย มีผลงานเพียงอย่างเดียวคือปล่อยให้ใช้แดนมีต่างด้าวลักลอบเข้าเมือง และที่ผ่านมากองทัพเน้นเพียงวาทกรรมปกป้องสถาบันฯ ด้วยปาก ถึงเวลาจริงๆ ไม่เคยออกมาแก้ข่าวใดๆ เลย 

 

ขณะที่กองทัพเรือมีงบประมาณในการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ จำนวน 14,612 ล้านบาท เห็นว่าควรชะลอการซื้อยุทโธปกรณ์ดังกล่าวทั้งหมด เนื่องจากในนั้นมีงบประมาณในการจัดซื้อเรือดำน้ำลำที่ 2 และ 3 อยู่ด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ในสิ่งที่กองทัพอยากได้ ไม่ว่าจะเป็นโครงการจัดหายานเกราะ Stryker และการจัดหาเครื่องบินโดยสาร เครื่องบินฝึกขับไล่ และเรือดำน้ำ ควรที่จะชะลอออกไปให้หมด ซึ่งหากเปลี่ยนงบประมาณในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ดังกล่าวมาเป็นการจัดซื้อวัคซีน หรือซื้อคุรุภัณฑ์ทางการศึกษาได้จำนวน 12 ล้านคน 

 

“โดยขอกล่าวสถานการณ์ทางการเงินของประเทศว่า ปัจจุบันภาระหนี้สินของประเทศไทยมีหนี้สินล้นพ้นตัว ไร้ทิศทางในการแก้ปัญหา สร้างปัญหาไปเรื่อยๆ ไม่รู้จบ ไม่สนใจว่าหนี้ที่ก่อขึ้นจะมากกว่า GDP อยู่ที่ 20% ขึ้นไป ซึ่งในอนาคตนี้ไม่แน่ใจว่ารัฐบาลจะสามารถใช้หนี้ได้หรือเปล่า เพราะรัฐบาลชุดนี้ไม่คิดที่จะใช้หนี้ จงใจถ่วงปัญหาเพื่อหาผลประโยชน์ในการครองอำนาจ นำชีวิตของพี่น้องประชาชนเป็นเครื่องสังเวยกว่าพันศพ โดยการผูกขาดการนำเข้าวัคซีน จงใจให้ประเทศอยู่ในสภาวะเดินไม่ได้เพื่อหาเหตุในการกู้ จึงเห็นได้ว่ารัฐบาลของ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมคณะรัฐมนตรี มีความสามารถในการสร้างหนี้ที่เก่งกาจหาตัวจับได้ยาก ไร้ซึ่งความสามารถในการหารายได้สิ้นดี” มงคลกิตติ์กล่าวในที่สุด

 

พิสูจน์อักษร: วรรษมล สิงหโกมล

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X