วันนี้ (1 มิถุนายน) พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงงบประมาณปี 2566 เป็นวันที่สอง โดยระบุว่า ตนนั่งฟังมาโดยตลอดทั้งเมื่อวานและเมื่อคืน ตนเข้าใจดี แต่ตนยังงงว่าเป็นการพิจารณางบประมาณปี 2566 หรือเป็นการพิจารณางบประมาณของพรรคการเมืองใหม่ที่ยังไม่ใช่รัฐบาลในเวลานี้ และขออย่าใช้โอกาสนี้ในการหาเสียงผิดเวที
สำหรับเรื่องการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐในวันนี้มีการผ่อนคลายและยืดอายุการจัดเก็บภาษีให้น้อยลง เนื่องจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจากโควิด ซึ่งเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องยอมรับ แต่สิ่งที่รัฐบาลทำไว้คือการเตรียมการไว้ล่วงหน้าเพื่อทำให้จีดีพีของประเทศสูงขึ้น หากหาเงินไม่ได้ก็จะจ่ายไม่ได้ ขณะนี้มีข้อมูลทั้งหมดว่าประเทศไทยมีคนจนเท่าไร และจะดูแลอย่างไร ซึ่งกำลังเดินหน้าอยู่ในขณะนี้
สิ่งสำคัญในวันนี้คือจะทำอย่างไรให้ทุกคนอยู่รอด แน่นอนว่าจะต้องมีความลำบาก ไม่ใช่ว่ารัฐบาลจะมีความสุขทุกวัน ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ และหลายอย่างที่ปรากฏผลสำเร็จก็มีอยู่ จะพูดเพียงว่าไม่มีอะไรดีเลย ตนคิดว่าไม่เป็นธรรม
สำหรับการจัดเก็บรายได้ของรัฐในต่างประเทศที่มีการจัดเก็บรายได้สูง เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีประชากรน้อย ประเทศไทยในวันนี้ยังเข้มแข็งไม่มากพอ และการที่ ส.ส. ที่อภิปรายว่ารัฐบาลหาเงินไม่เป็นอยากให้ย้อนมองกลับไปว่ารัฐบาลทำอะไรไปแล้วบ้าง
ในส่วนโครงสร้างดิจิทัลที่อภิปรายโดย ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่ารัฐบาลไม่ให้ความสำคัญในส่วนนี้นั้น ไม่เป็นความจริง โดยรัฐบาลให้ความสำคัญกับการลงทุนต่างๆ ในด้านดิจิทัลและออนไลน์ จนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำเรื่องบิ๊กดาต้า หรือ การแก้ไขกฎหมายฉบับเก่า และพิจารณากฎหมายใหม่ ซึ่งในส่วนนี้รัฐบาลใช้งบประมาณไปมากพอสมควร และในปี 2564 ความเร็วของอินเทอร์เน็ตบ้านในประเทศไทยมีความเร็วที่ 308 บิตต่อวินาที ถือว่ามีความแรงในระดับต้นของโลก และโครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้านสามารถเข้าถึงได้และเท่าเทียม
นอกจากนั้นรัฐบาลยังได้เริ่มนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ให้เกิดสังคมไร้เงินสด จนสามารถปฏิบัติงานได้จริง ไม่ว่าจะเป็นโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือการชำระเงินผ่านอิเล็กทรอนิกส์ หรือแอปพลิเคชันถุงเงิน และเป๋าตัง
ขณะที่ปัญหาหนี้ครัวเรือนแน่นอนที่จะต้องเพิ่มขึ้น จะเห็นได้ว่าโครงการหลายโครงการทุ่มเงินลงมหาศาลเพื่อให้คนจนสามารถเข้าถึง ถ้ามีโอกาสก็อยากให้ท่านลองทำดูแล้วกัน
และสำหรับการใช้งบกลาง ที่กล่าวหาว่านายกฯ ใช้เพื่อประโยชน์ของรัฐบาลนั้น เป็นการพูดที่ไม่มีหลักการ โดยการใช้งบประมาณของแผ่นดินมีกฎและมีระเบียบให้เข้ามาตรวจสอบได้ ตนไม่เคยชี้สั่งให้ทำโครงการใด ตนคือนายกรัฐมนตรี มีหน้าที่กำหนดนโยบาย ติดตามและดูแล
“จริงๆ ผมมีเรื่องให้พูดได้ทั้งวันเพราะผมทำมากับมือ โดยใช้คณะทำงานเป็นร้อย ไม่ใช่คิดเพียงคนเดียว และอย่าเพิ่งลุกขึ้นประท้วงผม” พล.อ. ประยุทธ์กล่าวในท้ายที่สุด