วันนี้ (9 ส.ค.) บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ เปิดเผยผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2562 พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 120 ล้านบาท ลดลงจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้าถึง 79% ส่วนกำไรสุทธิครึ่งปีอยู่ที่ 352 ล้านบาท ลดลง 52% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดย ดร.ชัยยุทธ ชุณหะชา ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการเงิน ระบุว่าส่วนใหญ่เป็นผลมาจากการลดลงของส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในกิจการร่วมค้า ซึ่งสัดส่วนของโครงการร่วมทุนที่สร้างเสร็จพร้อมโอนในไตรมาส 2/2562 น้อยกว่าในไตรมาส 2/2561 ที่มีโครงการร่วมทุนขนาดใหญ่สร้างเสร็จและเริ่มโอน เช่น แอชตัน อโศก และแอชตัน จุฬา-สีลม
สำหรับภาพรวมของบริษัท ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2562 ยังคงมีรายได้รวม 2,037 ล้านบาท เติบโต 12% จากไตรมาสแรก 871 ล้านบาท นอกจากนี้ยอดขายยังเพิ่มขึ้น 27% จากไตรมาสแรก รวมเป็น 6,100 ล้านบาท และมียอดขายสะสมครึ่งปีแรก 11,000 ล้านบาท ส่วนในครึ่งปีหลัง 2562 ยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่อีก 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 22,000 ล้านบาท โดยจะเน้นตลาด Mid-End สอดรับกับสถานีรถไฟฟ้าที่ขยายตัวจาก 80 สถานีเป็น 300 สถานี
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด วิเคราะห์ว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้อนันดามีกำไรลดลงมาจากรายได้เพียง 1.9 พันล้านบาท ซึ่งลดลงจากไตรมาส 2/2561 คิดเป็น 18% เป็นผลพวงมาจากการมีโครงการโอนน้อยลง อัตรากำไรขั้นต้นปรับลดลง สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารเมื่อเทียบกับรายได้เพิ่มสูงขึ้นเป็น 28.3% ผนวกกับกำไรตามส่วนได้ส่วนเสียจากบริษัทร่วมทุน (JV) ลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 53% เป็น 253 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม อนันดาเปิดเผยว่า ณ สิ้นไตรมาส 2/2562 บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) 33,200 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของยอดโอนในระยะ 3 ปีข้างหน้า ทั้งนี้บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ที่จะโอนในปี 2562 มูลค่ากว่า 12,240 ล้านบาท คิดเป็น 64% ของเป้ายอดโอนในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ โดยตั้งเป้ายอดโอนทั้งปีอยู่ที่กว่า 29,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งปีหลังจำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 21,930 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียมใกล้รถไฟฟ้าจำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการ 20,496 ล้านบาท และโครงการแนวราบ Urbanio วิภาวดี-แจ้งวัฒนะ จำนวน 1 โครงการ มูลค่าโครงการ 1,434 ล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการแนวราบแบรนด์ใหม่เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต
“ในส่วนของกระแสเงินสดของบริษัทยังคงมีความแข็งแกร่ง โดย ณ สิ้นสุดไตรมาสยังคงรักษาเงินสดที่มีมากกว่า 5,900 ล้านบาท โดยบริษัทคอยติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่องทั้งจากปัจจัยภายในประเทศและภายนอกประเทศ และเตรียมพร้อมปรับแผนธุรกิจหากมีความจำเป็นเพื่อรักษาเสถียรภาพในระยะยาวของบริษัท ทั้งนี้แผนธุรกิจทั้งหมดของบริษัทนั้นยังคงสนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และยังคงตอกย้ำการเป็นผู้นำในตลาดคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าในประเทศไทย พร้อมทั้งยังคงรักษาวินัยทางการเงินไว้อย่างเข้มงวด โดยจะรักษาอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อทุนไว้ที่ 1 เท่าเป็นเป้าหมายระยะยาว และเราต้องมั่นใจว่าการเติบโตของบริษัทจะไม่เพิ่มความเสี่ยงซึ่งมีผลกระทบต่อความมั่นคงของบริษัทในระยะยาว” ดร.ชัยยุทธกล่าวเพิ่มเติม
ทั้งนี้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้น เป็น 9.1 สตางค์ คิดเป็นสัดส่วนของเงินปันผลต่อกำไรในอัตรา 86% สูงที่สุดตั้งแต่มีการเสนอขายหุ้น IPO ของบริษัท
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์