วันที่ 23 กรกฎาคมของทุกปีกลายเป็นวันครบรอบที่ไม่มีใครอยากให้เวียนมาถึง หลังโลกได้สูญเสียหนึ่งในศิลปินโซลแจ๊สหญิงที่เก่งที่สุดนาม เอมี ไวน์เฮาส์ ไปอย่างกะทันหันและไม่ทันได้บอกลา ตลอดเวลาเกือบ 10 ปีที่โลดแล่นอยู่ในวงการเพลงสำหรับเอมีนั้นล้วนมีทั้งโมเมนต์ที่รุ่งโรจน์ เฉิดฉาย และวินาทีตกต่ำที่สุดในชีวิต แม้การจากไปของเธอจะผ่านมานานถึง 8 ปี แต่คงไม่มีนาทีไหนจะลบเลือนบาดแผลสำคัญกับอีกหนึ่งการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการดนตรี
เอมี ไวน์เฮาส์ เกิดเมื่อวันที่ 14 กันยายน 1983 ในครอบครัวชาวยิว ณ เมืองแอนฟิลด์ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในวัยเด็กเธอได้แรงบันดาลใจในการร้องเพลงมาจากผู้คนรอบข้าง โดยเฉพาะคุณย่าและพ่อของเธอซึ่งมักร้องเพลงของ แฟรงก์ ซินาตรา ให้เอมีฟังบ่อยๆ เธอเริ่มต้นแต่งเพลงตั้งแต่อายุ 15 ปีหลังซื้อกีตาร์ตัวแรกด้วยตัวเอง ก่อนที่งานอดิเรกจะกลายเป็นแพสชันและช่องทางหาเงิน จนต้นยุค 2000 นักร้องและเพื่อนสนิทของเอมีอย่าง ไทเลอร์ เจมส์ ได้ส่งเดโมเพลงของเธอไปตามที่ต่างๆ ก่อนจะทำให้นักร้องสาวได้เซ็นสัญญากับค่าย Island Records/Universal ตามมาด้วยเดบิวต์อัลบั้มอย่าง Frank (2003) ที่ถือเป็นการแจ้งเกิดในวงการเพลงของเธอ
อย่างไรก็ตาม เอมีมาโด่งดังข้ามโลกอย่างจริงจังหลังปล่อยอัลบั้มชุดที่ 2 ชื่อ Back to Black ในปี 2006 โดยอัลบั้มนี้ยังประกอบด้วยซิงเกิลฮิตติดชาร์ตอีกมากมายทั้ง Tears Dry on Their Own, Rehab, Love is a Losing Game, You Know I’m No Good, Back to Black และอีกนับไม่ถ้วน พร้อมปรับลุคใหม่จากเด็กสาวธรรมดาสู่นักร้องหญิงสุดเปรี้ยวซ่าที่จัดเต็มทั้งเสื้อผ้าหน้าผมและรอยสัก
นอกจากนี้อัลบั้ม Back to Black ยังพาให้เธอไปเฉิดฉายในงานประกาศรางวัล Grammy ครั้งที่ 50 ด้วยการคว้ารวดเดียวถึง 5 สาขา รวมทั้งรางวัลสำคัญอย่าง Best New Artist, Record of the Year และ Song of the Year สำหรับเพลง Rehab
ในขณะที่อาชีพการงานกำลังทะยานขึ้น เอมีกลับมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ทั้งภายในครอบครัวและกับคนรักอย่างหนัก สิ่งนี้ทำให้เธอเริ่มใช้ยาเสพติดและดื่มแอลกอฮอล์ปริมาณมากจนทำให้ภาพลักษณ์เริ่มเปลี่ยนไป กลายเป็นศิลปินหญิงที่ไม่เป็นมืออาชีพหรือถึงขั้นเหลวแหลกจากการแสดงสดหลายครั้งที่ต้องยกเลิก เพราะเธอเมาจนไม่สามารถขึ้นแสดงได้
กระทั่งวันที่ 23 กรกฎาคม 2011 เอมีเสียชีวิตในห้องพักของเธอที่ลอนดอน โดยสาเหตุจากการดื่มสุราปริมาณมากเกินกว่าที่ร่างกายรับไหว ปิดฉากชีวิตอันแสนเศร้าด้วยวัยเพียง 27 ปี
แม้การจากไปของเอมีจะผ่านมานานแล้วถึง 8 ปี แต่สิ่งที่หลงเหลือคือเรื่องราวชีวิตของเธอที่แม้จะสวยงาม แต่ก็เต็มไปด้วยอุปสรรคและมรสุมมากมายที่ถาโถมให้ผู้คนรุ่นหลังได้ถอดบทเรียน พร้อมบทเพลงดังอีกมากมายที่ปัจจุบันกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก และทำให้คิดถึงโทนเสียงคอนทราลโตอันทุ้มนุ่มลึกของเธอตลอดไป
“ชีวิตมันสั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้ และมันก็มักจะเป็นแบบนั้น มันจึงไม่มีประโยชน์ถ้าจะมามัวนั่งคิดถึงคำว่า ‘ถ้า’ ‘และ’ หรือ ‘แต่’”
– In Memory – Amy Winehouse (1983-2011)
ภาพ: John Shearer, Getty Images
พิสูจน์อักษร: ภาสิณี เพิ่มพันธุ์พงศ์