แอม-เสาวลักษณ์ ลีละบุตร และมาช่า วัฒนพานิช คือแม่
เพราะตลอดระยะเวลาหลายสิบปีในวงการบันเทิง ทั้งคู่ผ่านงานมาหลายรูปแบบ พิสูจน์ความสามารถด้วยเพลงฮิตนับไม่ถ้วน และที่สำคัญ ผ่านการเปลี่ยนแปลงของวัฒนธรรมการฟังเพลง ทั้งยังเป็นที่รู้จักในปัจจุบัน และเมื่อมีโอกาส เอ-ไทม์ โชว์บิสจึงจับทั้งคู่ขึ้นคอนเสิร์ตใหญ่ในฐานะ ‘2 ขั้วตัวแม่’ ที่เป็นเพื่อนสนิทกันมายาวนานอย่างที่เรารู้กันดี
คอนเสิร์ตเปิดตัวสมชื่อด้วยการให้แอมและมาช่านั่งเสลี่ยงแบบนางพญา ก่อนจะเริ่มต้นด้วยเพลง Hush Hush และ I Will Survive พร้อมกับที่คนทั้งฮอลล์ลุกขึ้นเต้นกันอย่างพร้อมเพรียงตั้งแต่ต้นคอนเสิร์ต และต่อด้วยเมดเลย์เพลงดราม่าอย่าง ใครสักคน, ฉันยังอยู่ได้คนดี, ไม่อยากนอนคนเดียว, ขอบฟ้าไม่มีจริง, ขอเวลาตั้งตัว และ ล่า และตามด้วยการเปิดตัวแขกรับเชิญคนแรกอย่าง ดี้-นิติพงษ์ ห่อนาค ที่เป็นทั้งอดีตเจ้านายและพี่ชายที่รักใคร่กัน หลายเพลงที่ผ่านปลายปากกาของพี่ดี้อย่าง คิดถึงคนแปลกหน้า และ อดใจไม่ไหว ก็ทำให้ทั้งคู่เป็นที่รู้จัก และอย่างที่ทั้งสองใช้กัดตัวเองอยู่บ่อยๆ ว่าได้ใช้ทำมาหากินมาจนถึงทุกวันนี้
เมื่อถึงพาร์ตของตัวเองที่เริ่มด้วยแอม เสาวลักษณ์ เราก็ได้ฟังเพลงอย่างจุใจที่อัดมาเป็นคอมโบ ทั้งเพลงฮิตมหาชนที่รู้ว่าต้องร้องทุกคอนเสิร์ตอย่าง ฉันเลว, ผิดไหมที่รักเธอ, แค่เสียใจไม่พอ, ครึ่งหนึ่งของชีวิต และเพลงไม่ฮิตอย่าง รองเท้า ที่ไม่มีโอกาสร้องในที่ไหนบ่อยนัก และเพื่อความ ‘แม่’ อย่างเต็มที่ แอมจึงชวนแขกรับเชิญอย่าง มัม ลาโคนิค ที่มาร้องเพลง เพลงสุดท้าย จนลูกๆ โห่ฮากันลั่นฮอลล์
และสำหรับ มาช่า วัฒนพานิช แล้ว คอนเสิร์ตนี้เธอเซอร์ไพรส์เราด้วยเสียงร้องที่นิ่ง ไม่มีสั่นตลอดระยะเวลาการแสดง พร้อมกับการเพอร์ฟอร์มที่เราไม่อาจละสายตาจากความสวยได้ ส่วนเซตลิสต์ที่เลือกมาก็พาเราย้อนอดีตไปตั้งแต่เพลง ผิดไปแล้ว, รอ, จากคนอื่นคนไกล, ใจเอย, ไม่หลับไม่นอน, สายน้ำไม่ไหลกลับ และยังได้เชิญ ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล ที่ฟีเจอริงกันในเพลง กุมภาพันธ์ และ เป็นเกียรติเกินพอ ที่มีซีนใกล้ชิดให้คนดูกรี๊ดกร๊าดกันหอมปากหอมคอ
ก่อนที่จะสุดท้ายเราจะได้เจอเซอร์ไพรส์คือการร้องเพลง โอ๊ะ โอ๊ะ ของแอม เสาวลักษณ์ และ คุกกี้เสี่ยงทาย ของมาช่าที่น่ารักและไม่ขัดเขินจนเกินไป
สิ่งที่น่าชื่นชมสำหรับคอนเสิร์ตเอ-ไทม์ โชว์บิสอย่างเสมอมาคือ การมีสคริปต์บทสนทนาที่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไป เราไม่พบการออกมาประกาศความเป็นแม่อย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการบิลด์ความสัมพันธ์ว่าทั้งแอมและมาช่าสนิทสนมกันมากขนาดไหน แต่ทั้งคู่เลือกให้เพลงต่างๆ เล่าความเป็นไปทั้งหมด จนถึงช่วงที่คอนเสิร์ตมีสคริปต์ให้ทั้งคู่เลือกเพลงสรุปชีวิตของตัวเอง มาช่าเลือกเพลง เหนื่อยไหมดาว และแอมเลือกเพลง ความทรงจำ
แอมบอกก่อนร้องเพลงนี้ว่านี่คือเพลงที่แทนชีวิตของเธอทั้งหมด แต่ไม่สามารถร้องเพลงนี้ได้ด้วยตัวเอง ความสูญเสียพ่อที่เพิ่งเกิดขึ้นหมาดๆ ทำให้แอมร้องขอทุกคนให้ร้องเพลงนี้ และเมื่อเธอเข้มแข็งจะร้องเพลงนี้ชดใช้คืน
เสียงร้องเพลง ความทรงจำ กระหึ่มฮอลล์ และเมื่อจบเพลง มาช่าก็พูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอและแอมว่า “บางคนเดินเข้ามาในชีวิตเพื่อเป็นของขวัญ บางคนเดินเข้ามาในชีวิตเพื่อเป็นบทเรียน และสำหรับช่า พี่คือของขวัญที่ดีที่สุด”
คอนเสิร์ตส่งท้ายเราด้วยเพลง ทางเดินแห่งรัก และ รสชาติความเป็นคน
จากทั้งหมดเกือบ 50 เพลงตลอดระยะเวลากว่า 4 ชั่วโมง เราค่อยๆ เห็นว่าทั้งคู่คือผู้หญิงธรรมดาที่ผ่านสุขทุกข์ มีทั้งของขวัญและบทเรียน ไม่ได้เป็นแม่อย่างที่ทุกคนเชิดชูด้านเดียวเท่านั้น แต่คือมนุษย์คนหนึ่งที่ผิดพลาด พร้อมจะเรียนรู้และมีความหวังอยู่เสมอ
‘ไม่มีชีวิตของใครที่ดีที่สุด ต้องมีสะดุดต้องมีหลงทาง ไม่มีชีวิตของใครที่ดีทุกอย่างต้องล้มลงบ้างสักวัน มันคือรสชาติความเป็นคน’ เพลงของมาช่าบอกไว้อย่างนั้น