×

แอมเนสตี้ชี้ สิทธิของเหยื่อต้องเป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด หลังสงครามรัสเซีย-ยูเครนครบ 1 ปี

โดย THE STANDARD TEAM
24.02.2023
  • LOADING...
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล

แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ชี้ว่าสิทธิของเหยื่อและผู้เสียหายจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนจะต้องเป็นหัวใจสำคัญของกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด หลังไฟแห่งความขัดแย้งในครั้งนี้ดำเนินมานานถึง 1 ปีเต็มแล้ว (24 กุมภาพันธ์) โดยประชาคมโลกจำเป็นจะต้องพัฒนาแผนงานและแนวทางที่เข้มแข็ง เพื่อนำความยุติธรรมกลับคืนมาให้กับเหยื่อสงครามในครั้งนี้

 

โดยแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เรียกเหตุการณ์ที่กองทัพรัสเซียเปิดฉากการรุกรานยูเครนเต็มรูปแบบ เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 ว่าเป็น “การกระทำที่รุกรานและหายนะด้านสิทธิมนุษยชน” นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา กองกำลังรัสเซียได้ก่ออาชญากรรมสงครามและการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอื่นๆ รวมถึงการประหารชีวิตนอกกระบวนการยุติธรรม การโจมตีอย่างรุนแรงต่อโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนและสถานที่พักพิง การเนรเทศและบังคับให้พลเรือนโยกย้ายถิ่นฐาน และการสังหารที่ผิดกฎหมายในวงกว้างด้วยการยิงถล่มเมืองต่างๆ

 

แม้การรุกรานยังคงดำเนินต่อไป และยังไม่ทราบขอบเขตทั้งหมดของอาชญากรรมที่ก่อขึ้นในยูเครน แต่การเรียกร้องความยุติธรรมและสิทธิของเหยื่อและผู้รอดชีวิตจะต้องได้รับความสำคัญ ประชาคมระหว่างประเทศมีหน้าที่ชัดเจนในการประกันว่าผู้ที่รับผิดชอบต่ออาชญากรรมภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศจะต้องรับรู้ว่าความรับผิดชอบและความยุติธรรมจะมีชัยเหนือการลอยนวลพ้นผิด

 

แอกเนส คาลามาร์ด เลขาธิการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เผยว่า เนื่องจากกองกำลังรัสเซียดูเหมือนกำลังเพิ่มการโจมตีในยูเครน พันธกิจในการนำตัวผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมนุษยชนและอาชญากรรมสงครามทั้งหมดมารับผิดจึงเป็นเรื่องเร่งด่วนกว่าที่เคย

 

ตั้งแต่ช่วงที่ความขัดแย้งเริ่มต้นขึ้น แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ได้บันทึกข้อมูลอาชญากรรมสงคราม รวมถึงการกำหนดเป้าหมายโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือนที่สำคัญ และการปิดกั้นความช่วยเหลือสำหรับพลเรือน พลเรือนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง และมักถูกตัดขาดจากน้ำ ไฟฟ้า และเครื่องทำความร้อน ผู้คนจำนวนมากที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ยึดครองของรัสเซียยังคงต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม หรือการรักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วน แต่ถูกปฏิเสธสิทธิในการเดินทางไปยังดินแดนที่ควบคุมโดยรัฐบาลของยูเครน

 

คาลามาร์ดระบุว่า “ผู้คนในยูเครนต้องทนทุกข์กับความน่ากลัวที่ยากจะจินตนาการได้มาตลอด 12 เดือนที่ผ่านมา ขอให้เข้าใจตรงกันว่า มือของ วลาดิเมียร์ ปูติน และกองกำลังของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด ผู้รอดชีวิตสมควรได้รับความยุติธรรมและการเยียวยาสำหรับทุกสิ่งที่พวกเขาต้องทุกข์ทน ประชาคมระหว่างประเทศต้องยืนหยัดอย่างแน่วแน่ในการดำเนินการให้ถึงที่สุดเพื่อคืนความยุติธรรม หนึ่งปีผ่านไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าต้องทำให้มากกว่านี้”

 

ตลอดช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาแม้จะมีการยื่นฟ้องคดีอาชญากรสงครามหลายหมื่นคดี รวมถึงอาชญากรรมทางเพศและด้วยเหตุแห่งเพศสภาพ แต่จำนวนเหยื่อของความขัดแย้งที่กำลังดำเนินอยู่จะสูงกว่านี้มาก

 

เลขาธิการแอมเนสตี้ยังกล่าวอีกว่า “หลังจากเกิดความขัดแย้งนี้ ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนได้รับความเสียหายจากการถูกลูกหลง เมื่อลูกระเบิดตกลงมา ไม่ได้เพียงแค่สร้างบาดแผล แต่ยังพรากความเป็นอยู่ ทำลายโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ และทำให้คนจำนวนมากไม่สามารถอยู่ในซากปรักหักพังของชีวิตในอดีตของพวกเขาได้”

 

ประชาคมโลกควรมีการตอบสนองต่อความขัดแย้งในครั้งนี้โดยทันที รวมถึงมีการสอบสวนในระดับนานาชาติและระดับชาติเกี่ยวกับอาชญากรรมภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศที่กระทำในยูเครน แต่ความยุติธรรมที่ครอบคลุมสำหรับยูเครนจะเกิดขึ้นได้โดยการให้ความยุติธรรมที่มีความหมายและการเยียวยาแก่เหยื่อเท่านั้น ซึ่งจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อประชาคมระหว่างประเทศให้การสนับสนุนอย่างเข้มแข็งและยั่งยืนในกลไกความยุติธรรมที่มีอยู่

 

นอกจากนี้ ยังต้องมีการพิจารณาเกี่ยวกับกลไกระดับชาติและระดับนานาชาติใหม่ เพื่อความยุติธรรมที่ครอบคลุมมากขึ้น เช่น การตัดสินใจที่น่ายินดีของคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ในการจัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนที่เป็นอิสระในเดือนมีนาคม 2022 ซึ่งในท้ายที่สุดจะช่วยเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับการตอบสนองด้านความยุติธรรมระหว่างประเทศในคดีอาชญากรรมสงครามจำนวนมาก ตลอดจนอาชญากรรมรุกราน ซึ่งศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ไม่สามารถสอบสวนได้ เนื่องจากข้อจำกัดด้านเขตอำนาจศาล

 

ประชาคมโลกต้องสร้างหลักประกันร่วมกันว่า ผู้ที่รับผิดชอบต่ออาชญากรรมภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศจะถูกนำตัวเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม และเผชิญกับผลที่ตามมาจากการกระทำที่ไร้จิตสำนึกของพวกเขา รวมถึงการสอบสวนผู้บัญชาการทหารระดับสูง และผู้นำพลเรือนในข้อหาอาชญากรรมสงครามและอาชญากรรมรุกรานภายใต้กฎหมายระหว่างประเทศ แม้การดำเนินคดีดังกล่าวอาจมีความซับซ้อน แต่จำเป็นที่การสอบสวนจะต้องไม่พิจารณาเพียงแค่ผู้กระทำความผิดโดยตรงในระดับล่างเท่านั้น แต่รวมถึงผู้ที่อยู่ในสายการบังคับบัญชาที่สูงกว่าด้วย ไม่ว่าการพิจารณาคดีจะเกิดขึ้นที่ใด จะต้องปฏิบัติตามมาตรฐานระหว่างประเทศเกี่ยวกับสิทธิมนุษยชน และการพิจารณาคดีที่เป็นธรรม โดยการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่และคำนึงถึงผู้รอดชีวิตและความต้องการของพวกเขา  

 

ภาพ: Simon Shin / SOPA Images / LightRocket via Getty Images

อ้างอิง: Amnesty International

  • LOADING...

READ MORE




Latest Stories

Close Advertising
X