วันนี้ (16 กรกฎาคม) ที่อาคารรัฐสภา ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีมติเห็นชอบกับร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) สร้างเสริมสังคมสันติสุขทั้ง 3 ฉบับ ที่เสนอโดยพรรคการเมืองในซีกรัฐบาล ได้แก่ พรรครวมไทยสร้างชาติ, พรรคครูไทยเพื่อประชาชน และพรรคภูมิใจไทย และตีตกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่เสนอโดยอดีตพรรคก้าวไกล และฉบับที่ภาคประชาชนเสนอในวาระรับหลักการ
ยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการ iLaw ในฐานะตัวแทนภาคประชาชนผู้เสนอร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมประชาชน ที่ถูกตีตก เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า หากนิรโทษกรรมเพียงบางคน บางกลุ่ม โดยไม่ได้ไปพร้อมกัน ไม่ได้เรียกว่าสร้างสังคมสันติสุข และเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งระลอกใหม่ที่จะเกิดขึ้น ซึ่งเราได้แถลงหลักการและเหตุผลต่อสภาฯ ไปหมดแล้ว แต่สุดท้ายสภาฯ ก็มีมติตีตก
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า ถ้าสภาฯ จะเดินหน้าในวาระ 2 และ 3 โดยกีดกันคนบางส่วน ไม่ให้มีสิทธิ์ได้รับนิรโทษกรรมเลย ซึ่งมองว่า ไม่ถูกต้อง รวมถึงสภาฯ กำลังนิรโทษกรรมความผิดที่เจ้าหน้าที่รัฐเป็นผู้กระทำต่อประชาชน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกทางการเมือง ไม่ได้เป็นไปเพราะการชุมนุมทางการเมือง แต่เป็นการใช้อำนาจมิชอบของเจ้าหน้าที่รัฐ หากในวาระที่ 2
“หากสภาฯ ไม่มีการปรับปรุงแก้ไขในส่วนนี้ ผมก็ขอยืนยันว่า จะไม่มีทางประสบความสำเร็จด้านการสร้างสังคมสันติสุข สร้างความสมานฉันท์ปรองดองได้ และก็จะขอคัดค้านการออกกฎหมายนิรโทษกรรมแบบเลือกปฏิบัติ” ยิ่งชีพกล่าว
ขณะที่ พูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า ตั้งแต่ปี 2557 มีผู้ต้องคดีที่เป็นฐานความผิดทางการเมืองอย่างน้อย 34 ฐานความผิด ซึ่งร่างหลักที่ผ่านเข้าไปในสภาวันนี้ โดยร่างของ วิชัย สุดสวาสดิ์ สส. ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ มีฐานความผิดแค่ 20 ฐานความผิดเท่านั้น แปลว่าอีก 14 ประเภทความผิดจะไม่ถูกนับรวม อยู่ในการนิรโทษกรรมครั้งนี้ ซึ่งรวมฐานความผิดมาตรา 112 อยู่ด้วย
“ขอตั้งคำถามไปถึงสภาผู้แทนราษฎรว่า วันนี้ออกกฎหมายนิรโทษกรรม โดยที่ไม่รวมทุกกลุ่ม เพื่อประโยชน์กับคนกลุ่มใด เป็นการคลี่คลายความขัดแย้งจริงๆ หรือ และฝากให้ติดตามคดีมาตรา 112 และคดีอื่นที่เกี่ยวกับการเมืองยังคงอยู่ ถ้ารัฐบาลจริงใจอยากแก้ไขปัญหาจริงๆ อย่างน้อยต้องแก้ไขกฎหมาย” พูนสุขกล่าว
ใช้กลไกในสภาฯ ผลักดันให้ประตูนิรโทษกรรมเปิดกว้าง
ด้าน ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน แถลงข่าวภายหลังสภาฯ ภายหลังที่ประชุมสภาฯ ลงมติตีตกร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่อดีตพรรคก้าวไกลเสนอ โดยระบุว่า เข้าใจเพื่อนและประชาชนที่รู้สึกผิดหวัง และการนิรโทษกรรมมีแนวโน้มที่จะนิรโทษให้บางกลุ่ม ซึ่งไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งได้จริง ตนเองและเพื่อนสมาชิกขอยืนยันว่า เราเชื่อในระบบรัฐสภาฯ ซึ่ง 3 ร่างที่ผ่านการพิจารณาในวาระที่ 1 โดย 2 ใน 3 ร่าง ยังเปิดกว้างอยู่
สำหรับสัดส่วนกรรมาธิการพรรคประชาชน จะใช้กลไกทุกอย่างในสภาฯ เพื่อเปิดประตูในการนิรโทษกรรมให้กว้าง และครอบคลุมทุกฝ่ายให้มากที่สุด เป็นสิ่งที่จะยืนยันในการทำหน้าที่ต่อไป พร้อมย้ำว่า เข้าใจความรู้สึกทุกคน ตนเองเป็นอีกคนในฐานะประชาชนที่ร่วมทำงานล่ารายชื่อกับ iLaw ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และทราบดีว่า เรื่องเสนอร่างกฎหมายมาจากประชาชนนั้น มีความลำบากกว่าร่างของ สส. ซึ่งคาดหวังร่างของภาคประชาชนจะผ่าน เพื่อจะได้มีสัดส่วนกรรมาธิการภาคประชาชนเข้าพิจารณาในวาระที่ 2 ด้วย
“ผลการลงมติของสภาวันนี้ ทำให้หลายคนผิดหวัง ไม่เป็นไปตามที่คิด แต่ในฐานะพรรคการเมืองที่ประชาชนเลือกมา ผมและสมาชิกพรรคจะทำงานอย่างมีวุฒิภาวะ และไม่ละทิ้งความหวัง ในชั้นกรรมาธิการจะผลักดันให้การนิรโทษกรรมเพื่อเปิดประตูให้กว้างมากที่สุด” ณัฐพงษ์กล่าว
ณัฐพงษ์กล่าวว่า จากนี้จะไปสู้ต่อในชั้นกรรมาธิการ หลักการที่เรายืนยันได้คือหากกฎหมายฉบับนี้พิจารณาเข้าสู่วาระที่ 3 ได้ทันก่อนยุบสภา จะเป็นร่างกฎหมายที่เลือกปฏิบัติ ไม่ครอบคลุมทุกกลุ่ม เราก็ยังไม่สามารถรับร่างนี้ให้ผ่านสภา แต่วันนี้กระบวนการยังไม่ถึงจุดสิ้นสุด เราจึงทิ้งความหวังไม่ได้ ฉะนั้น ส่วนกรรมาธิการพรรคประชาชนพร้อมทำงานเต็มที่
ณัฐพงษ์ระบุว่า มีทั้งเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้ ความเป็นไปไม่ได้คือยุบสภาฯ ก่อนกฎหมายพิจารณาได้ทัน ทุกอย่างมีความเป็นไปได้หมด ส่วนจะออกมาเป็นทิศทางใดขอให้ติดตามต่อไป ส่วนในช่วงอายุสภาฯ อยู่ที่มีการประเมินว่า อายุไม่มากนัก จากสถานการณ์และเสถียรภาพรัฐบาล พรรคประชาชนพร้อมใช้ 142 เสียงในสภาฯ เพื่อผลักดันกฎหมายที่มีประโยชน์ให้กับประชาชน