วันนี้ (16 กรกฎาคม) ที่อาคารรัฐสภา ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการพิจารณาร่างกฎหมายในการประชุมสภาฯ วันนี้ว่า จะมีวาระการพิจารณาร่างกฎหมายสำคัญหลายอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องกฎหมายนิรโทษกรรม เรื่องการยืนยันญัตติของพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ที่ สส. และ สว. ยังมีความเห็นต่างกันอยู่ วันนี้จะเป็นวันที่สภาฯ จะยืนยันในร่างที่ สส. เสนอขึ้นไป รวมถึงเรื่องกฎหมายคุ้มครองแรงงาน ที่มีความสำคัญ ในเรื่องสิทธิแรงงานของประชาชนทั่วประเทศ
ขณะที่ร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม เชื่อว่าวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่ตัวแทนจากทุกฝ่าย ทั้งฝ่ายค้าน ฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายประชาชน เห็นตรงกันว่า ประเทศเราจะต้องมีกฎหมายนิรโทษกรรม เพราะตลอด 20 ปีที่ผ่านมา สถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองได้ฉุดรั้งประเทศไทยมาโดยตลอด ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศ ไม่ว่าจะการรัฐประหาร 2 ครั้ง มีรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับ นายกรัฐมนตรี 9 คน มีคนที่บาดเจ็บล้มตายหลายร้อยคน รวมถึงคนที่ได้รับความสูญเสีย และผลกระทบอีกหลายพันคน ประเทศไทยเสียหายไปหลายแสนล้านบาท จากสถานการณ์ทางการเมืองที่ผ่านมา
“เราเห็นตรงกันว่า วันนี้ถ้าเราไม่มีกฎหมายนิรโทษกรรม เราอาจจะไม่สามารถปลดชนวนระเบิดความขัดแย้งที่รอวันประทุในวันหน้าได้ เพราะฉะนั้นวันนี้ ผมอยากเรียกร้องความกล้าหาญ ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทยทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ซีกพรรคการเมืองใด อยากจะเรียกร้องให้ทุกคน ลงคะแนนเสียง เพื่อเปิดประตูให้ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมผ่านการพิจารณาเข้าสู่วาระ 2 ในทุกๆ ร่าง” ณัฐพงษ์กล่าว
ณัฐพงษ์ระบุต่อไปว่า แน่นอนว่าการเรียกร้องความกล้าหาญในวันนี้ แม้หลายพรรคจะยังไม่สะดวกใจที่จะสามารถโหวตรับได้ในทุกๆ ร่าง ตามเสียงที่ประชาชนเรียกร้อง แต่ตนเชื่อว่า ยังมีวิธีโหวต วิธีการลงคะแนนเสียงในสภาวันนี้ ที่อาจจะไม่ได้ขัดกับความรู้สึกของแต่ละคนมากเท่าใดนัก แต่ยังเป็นทางออกให้กับสภา ที่จะสามารถพิจารณาร่างกฎหมายนิรโทษกรรมแต่ละร่างได้ทั้ง 5 ร่าง ในวาระที่ 2 นั่นคือการโหวตรับร่างของตัวเอง เพื่อยืนยัน และโหวตรับร่างที่ตัวเองคิดว่าเป็นสิ่งที่รับได้ เช่น ร่างกฎหมายของภาคประชาชน หากใครคิดว่าสามารถรับหลักการได้ ก็โหวตรับไปเลย
ขณะเดียวกัน ร่างที่เรายังคงเห็นแตกต่างกันอยู่ ไม่ควรที่จะมาโหวตคว่ำ หรือปิดกั้นความคิดเห็น หรือความเห็นที่ยังแตกต่างอยู่ของภาคส่วนอื่นๆ เรายังใช้ทางเลือกในการโหวตงดออกเสียง ในร่างที่เรายังเห็นแตกต่างกันอยู่ได้ เพราะการลงคะแนนเสียงแบบนี้ คือการยืนยันในหลักการของร่างที่เราเห็นด้วย และงดออกเสียงในร่างที่ยังเห็นต่าง ซึ่งจะเป็นกุญแจสำคัญ เป็นประตูสำคัญ ที่จะทำให้ร่างกฎหมายนิรโทษกรรมทั้ง 5 ฉบับได้ผ่านการพิจารณาในวาระที่ 1 เพื่อเข้าสู่การพิจารณาในวาระที่ 2
“การลงมติในวันนี้ ไม่ใช่การที่เราแสดงออกว่าเราไม่เห็นด้วยกับใคร แต่เราต้องยืนยันว่าเราเห็นด้วยว่า ประเทศนี้ต้องมีกฎหมายนิรโทษกรรม ดังนั้น การลงมติตรงนี้ ไม่ใช่เวทีที่เราจะมาแสดงออกถึงการจงรักภักดี หรือไม่จงรักภักดี หรือเรื่องใดๆ ก็ตาม แต่เป็นสิ่งที่เราต้องหาทางออกร่วมกัน สมานฉันท์กัน” ณัฐพงษ์ระบุ
ณัฐพงษ์ชี้ว่า การผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมที่มีการเลือกปฏิบัติ ส่วนตัวไม่เชื่อว่าจะเป็นการปลดชนวนความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในอดีต จึงอยากจะส่งข้อเรียกร้องไปยังพรรคอื่นๆ ที่ได้แสดงออกถึงจุดยืนของตัวเองแล้ว ว่าจริงๆ แล้ว ยังมีทางออกในสภาอยู่
สำหรับจุดยืนของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ที่มีมติชัดเจนว่า จะไม่รับหลักการในร่างใดเลยนั้น ณัฐพงษ์ระบุว่า ตามหน้าข่าวที่ออกมา สิ่งที่มีความชัดเจน คือมีหลายคนที่ระบุว่า ไม่สะดวกใจ หรือหลายพรรคไม่สะดวกใจ ในเรื่องการนิรโทษกรรมความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งพวกเรายังยืนยันว่า ข้อเห็นต่างเรื่องนี้ยังคงไปพูดคุยกันในวาระที่ 2 ได้ ดังนั้น ข้อแตกต่างนี้ ก็ควรจะลงมติงดออกเสียงในร่างที่ตนเองยังมีความไม่สะดวกใจอยู่ แต่ไม่ควรที่จะโหวตคว่ำ เพราะจะเป็นการปิดประตู หรือความคิดเห็นของภาคส่วนอื่นๆ
ส่วนกรณีที่พรรคไทยสร้างไทยออกแถลงการณ์ระบุอาจเปิดกลไกเพิ่ม เรื่องการขอพระราชทานอภัยก่อนคดีมาตรา 112 จะถึงที่สุด พรรคประชาชนมองอย่างไร ณัฐพงษ์กล่าวว่า เป็นความเห็นที่รับฟังได้ ในเรื่องการรับหลักการของทั้ง 4 ร่าง ที่ยังไม่ได้รวมร่างของพรรคภูมิใจไทย หลักการเปิดไว้ค่อนข้างกว้าง ดังนั้น หากมีร่างใดร่างหนึ่งที่ผ่านการพิจารณาเข้าไป ก็จะเป็นการเปิดประตูให้เราสามารถถกเถียงในรายละเอียดอื่นๆ ได้ ขอยืนยันอีกครั้งว่า อยากให้การลงมติในวันนี้ ลงมติด้วยใจที่เปิดกว้าง