หน่วยงานสภาพอากาศแห่งชาติ (National Weather Service: NWS) ของสหรัฐอเมริการายงานว่า ประชาชนชาวอเมริกันมากกว่า 200 ล้านคน หรือราว 60% ของประชากรทั้งประเทศ กำลังตกอยู่ภายใต้ประกาศเตือนหรือแนะนำให้ระวังอันตรายจากพายุฤดูหนาวขนาดมหึมา ที่ส่งผลให้เกิดสภาพอากาศเยือกแข็งปกคลุมในหลายรัฐ โดยมีหิมะตกหนักและน้ำแข็งปกคลุมตามท้องถนนและสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ทำให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง กระทบประชาชนมากกว่า 1.5 ล้านคน
ขณะที่มีรายงานผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบของพายุฤดูหนาวอย่างน้อย 12 คน รวมถึงผู้ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เนื่องจากถนนที่ลื่นเพราะคราบน้ำแข็งและทัศนวิสัยในการมองเห็นที่ย่ำแย่ ซึ่งในรัฐโอไฮโอมีรายงานผู้เสียชีวิต 1 คน จากอุบัติเหตุรถชนต่อเนื่องกว่า 50 คัน
การคมนาคมทั้งทางเครื่องบิน รถไฟ และรถยนต์ ต่างได้รับผลกระทบก่อนช่วงวันหยุดฉลองเทศกาลคริสต์มาส โดยเมื่อวานนี้ (23 ธันวาคม) มีเที่ยวบินยกเลิกมากกว่า 8,000 เที่ยว ถนนหลายสายถูกปิด และทำให้งานฉลองเทศกาลคริสต์มาสหลายพื้นที่ต้องยกเลิก
ทั้งนี้ บอมบ์ไซโคลน (Bomb Cyclone) ที่เกิดจากความกดอากาศลดลงและทำให้พายุทวีกำลังแรงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เกิดสภาพเยือกแข็งและพายุหิมะพัดกระหน่ำบริเวณภูมิภาคเกรตเลกส์ ใกล้ชายแดนแคนาดา
โดยหลายพื้นที่ เช่น รัฐมอนทานาและไวโอมิง พบว่าระดับอุณหภูมิลดต่ำเป็นประวัติการณ์กว่าติดลบ 45 องศาเซลเซียสในช่วง 2 วันที่ผ่านมา เช่นเดียวกับในรัฐเซาท์ดาโกตา มีรายงานว่าชนพื้นเมืองอเมริกันที่เผชิญพายุหิมะ ต้องเผาเสื้อผ้าเพื่อให้ความอบอุ่นหลังจากเชื้อเพลิงต่างๆ หมดลง
ขณะที่ NSW เปิดเผยว่าพายุฤดูหนาวครอบคลุมพื้นที่กว่า 3,200 กิโลเมตร ตั้งแต่รัฐเท็กซัส ทางตอนใต้ติดชายแดนเม็กซิโก ไปจนถึงรัฐเมน สุดฝั่งตะวันออกใกล้ชายแดนแคนาดา ซึ่งจากการตรวจสอบแผนที่พายุวานนี้ พบว่าขอบเขตในการประกาศเตือนและให้คำแนะนำเกี่ยวกับพายุฤดูหนาวครั้งนี้ เป็นหนึ่งในการประกาศเตือนภัยครั้งใหญ่ที่สุด
ภาพ: Photo by Katie McTiernan / Anadolu Agency via Getty Images
อ้างอิง: