ส่องรายละเอียด มาตรการ ‘ซื้อหนี้’ ประชาชนผ่าน AMC รัฐบาลจ่อเข้าครม. 11 พฤศจิกายนนี้ ตั้งเป้าช่วยลูกหนี้ที่มีหนี้ต่ำกว่า 1 แสนบาท ซึ่งเป็นหนี้ไม่มีหลักประกัน ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 โดยรัฐบาลกำหนดให้ AMC นำหนี้ของลูกหนี้มาปรับโครงสร้างหนี้ เช่น การลดดอกเบี้ย ไม่คิดดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมหรือ การจ่ายชำระเพียงบางส่วนเพื่อปิดบัญชี เป็นต้น
วันนี้ (3 พฤศจิกายน) ดร. เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเปิดเผยรายละเอียด โครงการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ ภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจ ครั้งที่ 3/2568 โดยระบุว่า มาตรการนี้เป็นการดำเนินการภายใต้ เสาหลักที่ 2 ภายใต้มาตรการ Quick Big Win คือการลดภาระหนี้ประชาชน ผ่านกลไกการซื้อหนี้รายย่อยของบริษัทบริหารสินทรัพย์ (Asset Management Company : AMC)
“การแก้ไขปัญหาหนี้ภาคประชาชน เป็นหนึ่งในนโยบายสำคัญที่จะต้องมีการแก้ไขโดยเร็ว เนื่องจากรัฐบาลได้พบว่า ปัจจุบันมีลูกหนี้รายย่อยบางส่วนกำลังประสบปัญหา ทั้งการมีภาระหนี้สูงโดยเฉพาะหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน การผ่อนชำระหนี้ไม่ไหวจนกลายเป็นหนี้ค้างชำระ การที่ลูกหนี้มีเจ้าหนี้หลายรายทำให้ถูกทวงหนี้จากเจ้าหนี้หลายแห่ง และทำให้ลูกหนี้ไม่สามารถขอสินเชื่อเพิ่มเติมได้” ดร. เอกนิติกล่าว
แจงรายละเอียดโครงการและกลุ่มเป้าหมาย ดังนี้
โดยกลุ่มเป้าหมายคือ ลูกหนี้ที่มีภาระหนี้ NPLs ซึ่งเป็นหนี้ไม่มีหลักประกัน ณ วันที่ 30 กันยายน 2568 กับผู้ให้บริการทางการเงินทุกแห่งรวมกันไม่เกิน 100,000 บาทต่อราย
เบื้องต้นคาดว่า จะมีผู้เข้าร่วมโครงการมีจำนวนประมาณ 3.4 ล้านราย หรือ 4.76 ล้านบัญชี คิดเป็นภาระหนี้จำนวนประมาณ 122,000 ล้านบาท โดยมีแนวทางการให้ความช่วยเหลือได้ ดังนี้
แนวทางที่ 1: การดำเนินการแก้ปัญหาหนี้เสียผ่านกลไกการซื้อหนี้โดย AMC ภายใต้แนวทางนี้ จะแบ่งลูกหนี้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
- ลูกหนี้ NPL กลุ่มธนาคารพาณิชย์
- ลูกหนี้ NPL กลุ่ม Non-bank ที่เป็นบริษัทลูกของธนาคารพาณิชย์
- ลูกหนี้ NPL กลุ่มแบงก์รัฐ (SFIs)
โดย AMC ที่ได้รับมอบหมายให้ซื้อหนี้ ได้แก่ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (SAM) และบริษัท บริหารสินทรัพย์อารีย์ จำกัด (Ari-AMC)
นอกจากนี้ ยังกำหนดให้ AMC นำหนี้ดังกล่าวมาปรับโครงสร้างหนี้ผ่านการเสนอเงื่อนไขการผ่อนชำระที่ผ่อนปรนและเหมาะกับความสามารถของลูกหนี้มากขึ้น เช่น การลดดอกเบี้ย ไม่คิดดอกเบี้ยหรือค่าธรรมเนียมการจ่ายชำระเพียงบางส่วนเพื่อปิดบัญชี เป็นต้น
แนวทางที่ 2: การช่วยเหลือเพิ่มเติมโดย SFIs ดำเนินการเอง
นอกจากนี้ SFIs จะมีมาตรการปรับปรุงโครงสร้างหนี้เป็นมาตรการเฉพาะของแต่ละธนาคาร เพื่อบริหารจัดการหนี้ให้เหมาะสมกับศักยภาพของลูกหนี้ SFIs เนื่องจากลูกหนี้ของ SFIs กลุ่มดังกล่าวเป็นกลุ่มที่มีความเปราะบางมากกว่าลูกหนี้ของ ธพ. หรือได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐผ่านกลไกอื่นแล้ว
ดังนั้น SFIs จะมีมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้เพิ่มเติม เช่น มาตรการชำระบางส่วนเพื่อปิดบัญชี ลดเงินต้นยกเว้นดอกเบี้ยทั้งหมด มาตรการติดตามทวงถามให้ชำระหนี้ที่ผ่อนปรนมากกว่าเกณฑ์ปกติของธนาคาร การปิดบัญชีและตัดเป็นหนี้สูญสำหรับลูกหนี้ขาดศักยภาพ เป็นต้น
นอกจากนี้ ในระยะต่อไปจะมีการพิจารณาขยายขอบเขตการช่วยเหลือไปยังลูกหนี้ของผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร หรือ Non-banks ตามหลักการเดียวกัน เพื่อให้นโยบายการแก้ไขปัญหาหนี้ภาคประชาชนครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่ประสบปัญหาทั้งหมด
ขีดเส้นเป็น NPL ก่อน 30 ก.ย.! ธปท. ลั่นอุ้ม NPLs ‘ครั้งเดียว’ สกัด Moral Hazard
วิทัย รัตนากร ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวย้ำว่า แม้มูลหนี้ NPL ที่จะเข้าร่วมโครงการมีอยู่ราว 122,000 ล้านบาท แต่จะสามารถช่วยผู้ที่เป็นหนี้ NPL ได้ ‘ปริมาณมาก’ สูงถึง 4.76 ล้านบัญชี เนื่องจาก ผู้ที่มีหนี้ NPL ต่ำกว่า 100,000 บาท คิดเป็นกว่า 50% ของจำนวนบัญชี NPL ทั้งหมด
วิทัยกล่าวอีกว่า โครงการนี้ไม่ได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินแต่อย่างใด แต่ใช้เงินที่เหลือจากโครงการ ‘คุณสู้ เราช่วย’ จากการลดเงินนำส่งเข้ากองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (FIDF) ของธนาคารพาณิชย์ (จาก 0.46% เหลือ 0.23%)
พร้อมทั้งย้ำว่า โครงการนี้จะเป็นการดำเนินการเพียง ‘ครั้งเดียว’ สำหรับลูกหนี้ที่เป็น NPL ณ วันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมาเท่านั้น เพื่อป้องกันการเสียวินัยทางการเงิน (Moral Hazard)
สำหรับการอัตราหรือราคาการซื้อหนี้จาก AMC จะเป็นราคาที่ตกลงกันระหว่างธนาคารพาณิชย์และ AMC ซึ่งจะเป็นอัตราราคามาตรฐาน นอกจากนี้ ยังจะมีโครงสร้างการแบ่งการเรียกเก็บเงินหากทวงตามได้ในอนาคต โดยตัวเลขต่างๆ ขออนุญาตยังไม่เปิดเผย
ผนึกเครดิตบูโร! เคาะ ‘รหัส 16’ ช่วยลูกหนี้ NPL กู้ใหม่ได้เร็วขึ้น
ขณะที่ ลวรณ แสงสนิท ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า โครงการดังกล่าวจะมีความแตกต่างจาก การโอนหนี้ ซื้อหนี้ ขายหนี้ ไปยัง AMC ทั่วไป เพราะจะมีเงื่อนไขที่ผ่อนปรนจริงๆ เพื่อให้ลูกหนี้ สามารถกลับไปเริ่มต้นธุรกิจได้อีกครั้งหนึ่ง
พร้อมกับย้ำว่า โครงการดังกล่าวเป็นความร่วมมือของกระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ซึ่งมีความตั้งใจที่จะให้โอกาสลูกหนี้อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือพิเศษกับทางบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ เครดิตบูโร (NBC) อีกด้วย โดยจะมีการตั้งรหัสพิเศษ คือ รหัส 16 ให้แก่กลุ่มลูกหนี้ที่เข้าร่วมโครงการนี้ (ถูกโอนหนี้เข้าไปใน AMC) หวังช่วยให้ลูกหนี้ขอกู้เงินใหม่ได้เร็วขึ้น
“จะเป็นรหัสเครดิตบูโรพิเศษ 16 นี้ถือเป็นฟีเจอร์พิเศษ ที่จะเป็นกลไก ซึ่งเปิดโอกาสให้ลูกหนี้กลับมาฟื้นตัว และตั้งตัวใหม่ได้อีกครั้งหนึ่ง กล่าวคือ ถ้าลูกหนี้สามารถผ่อนดี อาจจะเป็นใน 1 เดือน 3 เดือน หรือ 6 เดือน ถ้าสถาบันการเงินเห็นว่า มีศักยภาพ (potential) ที่จะกลับมาจ่ายปกติได้จริงๆ ก็สามารถปล่อยสินเชื่อใหม่ได้ทันที” ลวรณกล่าว
นอกจากนี้ ลวรณยังเผยอีกด้วยว่า จะมีการใช้เครื่องมือใหม่ คือ อารีย์ สกอร์ (Ari Score) ซึ่งเป็นเครดิตสกอริงของแต่ละบุคคลภายใต้ข้อมูลของกระทรวงการคลัง ซึ่งจะช่วยให้สถาบันการเงินมั่นใจที่จะปล่อยสินเชื่อให้กับลูกหนี้ โดยใช้กับโครงการนี้เป็นครั้งแรก


